อีโคโนมิสต์อินเทลลิเจนซ์ยูนิต (EIU) หน่วยวิจัยในกรุงลอนดอน เผย รายงานดัชนีค่าครองชีพโลกประจำปี 2022 พบว่า มหานครนิวยอร์ก และ สิงคโปร์ ร่วมกันครองอันดับหนึ่ง เมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกในปีนี้ เบียด ‘เทลอาวีฟ’ เมืองหลวงของอิสราเอล ที่เป็นแชมป์เก่าปี 2021 ลงไปอยู่อันดับสาม
สาเหตุสืบเนื่องมาจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นมาก จากหลากปัจจัย โดยหลักๆ คือผลกระทบจากสงครามในยูเครน และข้อจำกัดเพื่อคุมโควิดที่ยังคงดำเนินอยู่ (โดยเฉพาะในจีน) ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับซัพพลายเชนโดยเฉพาะอาหารและพลังงาน
ทั้งนี้ นิวยอร์กติดอันดับสูงสุดเป็นครั้งแรก ขณะที่เมืองดามัสกัสและตริโปลียังคงเป็นแชมป์ในแง่ “เมืองค่าครองชีพต่ำที่สุดในโลก”
ผลการสำรวจของ EIU ระหว่างเดือน ส.ค.และ ก.ย. 2022 พบว่า ราคาสินค้าใน 172 เมืองใหญ่ที่สำรวจพุ่งขึ้นโดยเฉลี่ยที่อัตรา 8.1%
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า การที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามีผลต่อการจัดอันดับด้วย เนื่องจากราคาสินค้ารวม 50,000 รายการทั่วโลกถูกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งแข็งค่าขึ้นมากในปีนี้ เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาหลายครั้งติดต่อกันเพื่อพยายามสกัดเงินเฟ้อที่ทะยานสูงสุดในรอบหลายสิบปี
เมืองอื่นๆในสหรัฐอเมริกาที่เข้ามาอยู่ใน 10 อันดับแรก (Top 10) สำหรับปีนี้ นอกเหนือจากนิวยอร์กแล้ว ยังมีลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโกด้วย
ส่วนเมืองที่ขยับอันดับขึ้นมามากที่สุด คือ มอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในรัสเซีย พุ่งขึ้นมา 88 และ 70 อันดับ ตามลำดับ เนื่องจากราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นมากภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
อุปัสนา ดัตต์ หัวหน้าการวิจัยของ EIU ให้ความเห็นว่า สงครามในยูเครน มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน เป็นเหตุสำคัญทำให้เกิดปัญหาซัพพลายเชนที่ผสมผสานกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้เกิดวิกฤติค่าครองชีพทั่วโลก
“เราเห็นผลกระทบได้ชัดในดัชนีปีนี้ ที่ค่าเฉลี่ยราคาสินค้าเพิ่มขึ้นทั่วทั้ง 172 เมืองที่เราทำการสำรวจ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้นับว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาในรอบ 20 ปีเท่าที่เรามีการบันทึกข้อมูลดิจิทัล”