นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวหลังจากการร่วมประชุมหารือความร่วมมือกับ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ว่า กรุงเทพฯ พร้อมจะเป็นเมืองศูนย์กลางการจัดงานต่างๆ ให้นานาชาติเข้ามาจัดการประชุมในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้กรุงเทพฯ พร้อมแล้วที่จะแข่งขันกับฮ่องกงและสิงคโปร์ ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน
โดยนโยบายหลักของ กทม. เป็นเรื่องง่ายๆ คืออยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ ซึ่งฟังแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ แต่การปฏิบัตินั้นไม่ง่าย หน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. นอกจากการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแล้ว ผู้ว่าฯ กทม. ยังต้องดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ
เนื่องจากเป็นหัวใจของเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างงาน การหารายได้ให้เมือง การนำภาษีมาบริหารจัดการเมือง และมีหน้าที่ในการบริหารประสิทธิภาพของเมืองให้ธุรกิจต่างๆ เดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น เนื่องจาก กทม. เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งก็ต้องอำนวยความสะดวกจากทางราชการให้โปร่งใส รวดเร็ว ฉับไว เพื่ออำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจ
เช่น การประสานขั้นตอนในการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น การประสานเรื่องการขาดแคลนแรงงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ โดยทางหอการค้าไทย-จีน มีนักธุรกิจและผู้ประกอบการอยู่กว่าหมื่นคน ที่สามารถสร้างงานได้เป็นแสนตำแหน่ง เพิ่มรายได้ให้กับเมืองได้อีกจำนวนมากอีกด้วย
ในอนาคตได้ตั้งเป้าให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค เช่น การจัดประชุมนานาชาติ เพื่อนำการประชุมจากทั่วโลกให้มาจัดประชุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งเรามีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ พื้นที่กว่า 300,000 ตารางเมตร
ทั้งยังมีหอประชุมที่เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรีใกล้กับกรุงเทพฯ มีโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและการประชุมกว่า 100,000 ห้อง รวมถึงมี Office Space อีกกว่า 10 ล้าน ตร.ม. พร้อมรองรับการจัดประชุมในธุรกิจไมซ์ (MICE) ซึ่งมีความสำคัญในการกระตุ้นและดึงบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในกรุงเทพฯ
อาทิ ธุรกิจ Jewelry ธุรกิจสร้างสรรค์ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจ Creative Economy โดยให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางธุรกิจได้ จึงเป็นที่มาของการหารือกับสมาคมฯ ในวันนี้ ซึ่งจะมีการหารือในกลุ่มย่อยเพื่อลงรายละเอียดความร่วมมือด้านต่างๆ ต่อไป