ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีน จะขยายตัว 5.1% ในปี 2566 และ 5% ในปีถัดไป (2567) ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์จากผลสำรวจเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาที่ 4.8% และ 4.9% ตามลำดับ
ทั้งนี้ การยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Poilcy) ที่ดำเนินมาตลอด 3 ปีอย่างกะทันหันของจีนเมื่อเดือนธ.ค.2565 และยอดผู้ติดเชื้อที่กำลังจะถึงจุดพีกในหลายพื้นที่ของจีนตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้กระตุ้นให้เกิดมุมมองเชิงบวกว่า ค่าใช้จ่ายในการเปิดพรมแดนจะถูกจำกัดไว้เฉพาะช่วงวันหยุดเมื่อกิจกรรมต่าง ๆ กำลังดำเนินไปอย่างช้า ๆ ขณะที่คาดว่า การบริโภคจะดีดตัวขึ้น หลังการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดบรรเทาลง และกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต
นอกจากนี้ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลัก ๆ ในเดือนธ.ค.และในไตรมาส 4/2565 ที่เปิดเผยออกมาในช่วงต้นสัปดาห์นี้ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ทำให้ธนาคารรายใหญ่ เช่นโกลด์แมน แซคส์ และโซซิเอเต้ เจเนเรล ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนไปในทิศทางที่ดีขึ้นในปี 2566
นายเบอร์นาด อาว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัทโคเฟส (Coface) กล่าวว่า การเปิดพรมแดนอย่างฉับพลันของจีน ทำให้เกิดความหวังถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคของภาคเอกชน แต่ก็มีความยากลำบากในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ซึ่งอย่างน้อยก็คือในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่ให้ความเห็นในการสำรวจคาดว่า ก่อนจะไปถึงจุดที่มีการขยายตัว การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสปัจจุบันจะชะลอลงสู่ระดับ 2.5% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 3.1% แต่หลังจากนั้นก็จะมีการขยายตัวมากขึ้นเป็น 6.8% ในช่วงเดือนเม.ย.ถึงมิ.ย. หรือในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้
นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นแนวโน้มตลาดทุนจีนสดใส
ขณะเดียวกันบรรดานักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนระหว่างประเทศจำนวนหนึ่ง ต่างก็มีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดทุนจีน หลังจากจีนปรับนโยบายโควิด-19 และออกนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจมากขึ้น โดยยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนท์ ระบุในรายงานว่า มาตรการโควิด-19 ล่าสุดของจีนทำให้แนวโน้มการลงทุนในจีนดีขึ้น
รายงานดังกล่าวระบุว่า “การเปิดเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ” มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มการลงทุนระยะกลาง ขณะเดียวกันยูบีเอสยังได้ปรับเพิ่มจีนเป็นตลาดซึ่งเป็น "ที่ต้องการมากที่สุด" ในกลยุทธ์การลงทุนในตลาดเอเชีย
ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเควิน เฉิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากฮอไรซอน ไฟแนนเชียล กรุ๊ปได้เปิดเผยว่า เป็นเรื่องจริงที่นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากแห่เข้าซื้อสินทรัพย์จีนเพื่อเก็งกำไร
ขณะเดียวกัน รายงานล่าสุดจากมอร์แกน สแตนลีย์บ่งชี้ว่า ตลาดจีนกำลังประเมินผลกระทบจากการปรับนโยบายของรัฐบาล และมีความเป็นไปได้ที่ว่า การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งสามารถเกิดขึ้นได้ แม้ยังมีอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่ยืดเยื้อ
"สิ่งนั้นไม่เพียงหมายความว่าดัชนี MSCI China จะมีกำไรต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้นและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) จะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน แต่ยังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านที่เกี่ยวข้องด้วย" นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ระบุในรายงาน
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์และโกลด์แมน แซคส์ต่างคาดการณ์ว่า ดัชนี MSCI China (ซึ่งเป็นดัชนีของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นจีน ไม่ว่าจะเป็น A-Shares, B-Shares, H-Shares, Red-Chips, P-Chips รวมทั้ง ADRs ที่เป็นหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาด NASDAQ ของสหรัฐ ครอบคลุมทั้งหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางของตลาดทุนจีน) จะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 80 ภายในสิ้นปี 2566 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับปิดที่ 71.09 ของวันอังคาร (17 ม.ค.)
Cr.ภาพ สำนักข่าวซินหัว/โกลบัลไทม์ส