รู้จักเมือง "โอเดสซา" ไข่มุกทะเลดำ ที่ยูเนสโกประกาศเป็นมรดกโลก

26 ม.ค. 2566 | 17:58 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ม.ค. 2566 | 00:49 น.

“ยูเนสโก” ประกาศให้เมือง "โอเดสซา" ในยูเครนเป็นเมืองมรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในภาวะอันตราย ท่ามกลางไฟสงครามที่รุมเร้า เรามาทำความรู้จักโอเดสซาให้มากกว่านี้

 

องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ประกาศให้ เมืองโอเดสซา (Odesa หรือ Odessa) ที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลดำทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของ ประเทศยูเครน เป็น “เมืองมรดกโลก ที่กำลังตกอยู่ในภาวะอันตราย” เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อปกป้องคุณค่าสากลที่โดดเด่นของเมืองแห่งนี้

สถานะดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมของเมืองโอเดสซา ที่กำลังถูกคุกคามนับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางทหารส่งกองกำลังบุกเข้าสู่ยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา (2565) สถานะดังกล่าวจะทำให้เมืองนี้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางการเงินและทางเทคนิคระหว่างประเทศได้

ยูเนสโกประกาศให้ศูนย์กลางประวัติศาสตร์แห่งเมือง "โอเดสซา" ประเทศยูเครน เป็นเมืองมรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในอันตราย

ในแถลงการณ์ของยูเนสโก ที่ประกาศในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นางออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการยูเนสโก กล่าวว่า เมืองโอเดสซา ซึ่งเป็นเมืองเสรี เป็นเมืองของโลก และเป็นเมืองท่าเรือในตำนาน ได้สร้างชื่อเสียงในด้านภาพยนตร์ วรรณกรรม และศิลปะมาหลายยุคสมัย

บัดนี้ ในขณะที่สงครามยังคงดำเนินอยู่ การจารึกให้โอเดสซาเป็นเมืองมรดกโลกจะสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของประชาคมโลก ในการที่จะปกป้องเมืองนี้จากการทำลายล้างที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

โอเดสซาเป็นเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลดำ เดินทางด้วยเครื่องบินจากเมืองหลวงเคียฟ ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง

ข่าวดีนี้ ทำให้ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ออกมาแถลงในวันเดียวกันว่า การตัดสินใจของยูเนสโกซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะช่วยชาวยูเครนในการปกป้องเมืองโอเดสซาเอาไว้

ทั้งนี้ การอภิปรายของยูเนสโกเกี่ยวกับเมืองโอเดสซาใช้เวลานานหลายชั่วโมง หลังจากที่ตัวแทนของรัสเซียพยายามเลื่อนการลงมติ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในการลงมติของคณะกรรมการมรดกโลกที่ประกอบด้วยสมาชิก 21 ประเทศ ปรากฏว่า มีเสียงสนับสนุนให้โอเดสซาเป็นเมืองมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย 6 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และงดออกเสียง 14 เสียง

ทำความรู้จักเมืองโอเดสซา “ไข่มุกทะเลดำ”

ถึงแม้เมืองโอเดสซา จะเป็นเมืองใหญ่อันดับสาม และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญของยูเครน แต่สงครามที่เกิดขึ้นก็ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่าง ศูนย์กลางวัฒนธรรมของเมืองถูกระเบิดทำลายสร้างความเสียหายให้อาคารหลายแห่งทั่วทั้งเมือง เมื่อทะเลดำกลายเป็นสมรภูมิรบ และทุ่นระเบิดในทะเลยังคงถูกซัดเข้าชายฝั่งของเมืองโอเดสซาที่ได้ชื่อว่า “เมืองไข่มุกทะเลดำ” หรือ (Pearl of the Black Sea) ในตำนาน

ที่ได้รับฉายาเช่นนั้น เป็นเพราะ โอเดสซาเป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองท่าทางยุทธศาสตร์บนชายฝั่งทะเลดำของยูเครนมาตั้งแต่ยุคอดีต เมืองนี้เคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวกรีกยุคโบราณที่อพยพมาเมื่อย้อนไปนานนับศตวรรษ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสมรภูมิสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และจนมาถึงปัจจุบันเมืองโอเดสซาก็ยังคงมีความสำคัญเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือยูเครน และยังมีท่าเรือเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยท่าเรือคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศยูเครน จึงมีความสำคัญทางด้านการค้าและโลจิสติกส์ด้วย

ด้วยความเป็นเมืองท่าชายทะเลที่มีชายหาดทอดยาว และประวัติศาสตร์อันยาวนาน โอเดสซาจึงเป็นเมืองคลาสสิคแวดล้อมด้วยบรรยากาศและสถาปัตยกรรมที่ทรงเสน่ห์ย้อนยุค มีโรงอุปรากรและโรงละครบัลเลต์ โรงอุปรากรในโอเดสซาเป็นหนึ่งในโรงอุปรากรที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ก่อนที่จะเกิดสงครามเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในยูเครน

ชาวเมืองนำกระสอบทรายและเครื่องกีดขวางมาปิดล้อมสถานที่สำคัญเอาไว้ กลายเป็น “ภาพเชิงสัญลักษณ์” ที่สำคัญ

น่าเสียดายที่ไฟสงครามทำให้เมืองที่รุ่มรวยด้วยมรดกทางวัฒนธรรมแห่งนี้ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่เมืองโอเดสซาถูกรัสเซียระดมโจมตีอย่างหนัก ประชาชนพยายามป้องกันอาคารและสถานที่สำคัญในบริเวณศูนย์กลางทางวัฒนาธรรมของเมืองด้วยการนำกระสอบทรายและเครื่องกีดขวางมาปิดล้อมสถานที่เหล่านี้เอาไว้ จนกลายเป็น “ภาพเชิงสัญลักษณ์” ที่สำคัญอย่างหนึ่งในช่วงเวลานี้    

ยังมีแหล่งมรดกโลกในยูเครนอีก 7 แห่ง

นอกจากศูนย์กลางประวัติศาสตร์เมืองโอเดสซาที่เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งล่าสุดแล้ว แหล่งมรดกโลกในประเทศยูเครนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโกก่อนหน้านี้ ยังมีอีก 7 แหล่ง แบ่งเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม 6 แหล่ง และมรดกโลกทางธรรมชาติ 1 แหล่ง ได้แก่

  1. อาสนวิหารนักบุญโซเฟีย ในกรุงเคียฟ เป็นอาสนวิหารและหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของเคียฟ ซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกของประเทศยูเครนที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนร่วมกับหมู่อารามถ้ำเคียฟ
  2. ลวิฟ เป็นเมืองทางภาคตะวันตกของยูเครน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์ เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมโปแลนด์และยิวที่สำคัญ เนื่องจากเมืองนี้มีประชากรจำนวนหนึ่งเป็นชาวโปแลนด์และยิวที่อพยพมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
  3. ส่วนโค้งภูมิมาตรศาสตร์ชตรูเวอ
  4. ที่พำนักของมุขนายกมหานครแห่งบูโควีนาและแดลเมเชีย
  5. นครโบราณทอริกเคอร์โซนีสและอาณาเขตนอกตัวนคร
  6. โบสถ์ไม้แห่งภูมิภาคคาร์เพเทียนในโปแลนด์และยูเครน
  7. ป่าบีชโบราณและป่าบีชปฐมภูมิแห่งเทือกเขาคาร์เพเทียนและภูมิภาคอื่นของยุโรป (เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ)