นายสตีเฟ่น ฟิลิปส์ อธิบดี สำนักงานส่งเสริมการลงทุนฮ่องกง (Invest Hong Kong) เปิดเผยกับสื่อมวลชนระหว่างมาเยือนประเทศไทยในสัปดาห์นี้ว่า ขณะนี้ “ฮ่องกง” ได้เปิดพรมแดนอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมๆกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายหลังผ่านพ้นจากช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมา นับเป็นโอกาสที่ดีที่ทาง Invest Hong Kong จะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนทั่วโลก รวมทั้งไทย ได้เห็นถึงศักยภาพทางการค้าและการลงทุนของฮ่องกง ที่ยังคงเป็นศูนย์กลางการค้าและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
“ฮ่องกงเป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่ความได้เปรียบระดับโลกและความได้เปรียบของจีน มารวมอยู่ในที่เดียวกัน ซึ่งการบรรจบกันที่ไม่เหมือนใครนี้ ทำให้ฮ่องกงเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และส่วนอื่นๆ ของโลกที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ ฮ่องกงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับบริษัทในต่างประเทศและบริษัทในแผ่นดินใหญ่ ตลอดจนผู้ประกอบการจากทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นที่ที่นักลงทุนจะได้ประโยชน์อย่างเต็มเปี่ยมจาก “เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า” หรือที่เรียกว่าเขต Greater Bay Area (GBA) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่กำลังเฟื่องฟู โดยเป็นเขตที่มีประชากรรวมกันถึง 86 ล้านคน เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 11 ของโลกในปัจจุบัน และมีศักยภาพที่จะขยายตัวเป็นอันดับที่ 5-6 ของโลกภายในปี 2030”
เขากล่าวเสริมว่า ฮ่องกงเสนอโอกาสและเส้นทางสู่การเติบโตที่หลากหลายให้กับบริษัทไทย โดยมีหลากหลายเหตุผลว่า เพราะอะไรฮ่องกงถึงน่าสนใจ
“การที่ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษ GBA ดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นจุดที่หากผู้ประกอบการธุรกิจของไทยต้องการเล็งตลาดใหญ่ ฮ่องกงจึงเป็นจุดที่ควรจะเข้าไป” สตีเฟ่นกล่าว
ฮ่องกงฟื้นตัวได้ดีและยังคงขยายตัว
ทั้งนี้ ฮ่องกง ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองพลวัตที่มีความยืดหยุ่นและฟื้นตัวจากความท้าทายต่างๆ ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยจุดแข็งของตลาดที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเต็มไปด้วยศักยภาพอันโดดเด่น รวมไปถึงโอกาสใหม่มากมายสำหรับนักธุรกิจทั่วโลก ด้วยปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น แรงงานทักษะสูง และนักท่องเที่ยว รวมไปถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และโอกาสจากยุทธศาสตร์เขตเศรษฐกิจพิเศษ GBA ส่งผลให้ฮ่องกงกลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับ “ธุรกิจค้าปลีก” ที่นักลงทุนและผู้ประกอบการธุรกิจชาวไทยที่ต้องการขยายแบรนด์สินค้าสู่ตลาดนานาชาติควรเข้าไปตั้งสำนักงาน เพราะจากฮ่องกง ผู้ประกอบการสามารถก้าวกระโดดไปยังตลาดจีน และตลาดอื่นๆของโลกที่มีอุปสงค์สูง ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง อินเดีย หรืออาเซียน
นอกจากนี้ ด้วยทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ใจกลางเอเชียแปซิฟิก ยังส่งผลให้ฮ่องกงมีบทบาทสำคัญต่อผู้ประกอบการจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่และบริษัทข้ามชาติในเอเชียแปซิฟิก กล่าวโดยสรุป ฮ่องกงมีจุดแข็งด้านด้านระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ภาคธุรกิจค้าปลีก และภาคการท่องเที่ยวและบริการ
เปิดโอกาสใหม่สำหรับผู้ประกอบการไทย
สตีเฟ่นส์กล่าวทิ้งท้ายว่า ฮ่องกงก็เหมือนกับหลายประเทศทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเกือบๆ 3 ปีที่ผ่านมา แต่ธุรกิจค้าปลีกในฮ่องกงกลับมาคึกคักและฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในปีพ.ศ. 2564 ด้วยยอดขายรวมโตขึ้น 8.1% จากปีก่อนหน้า ขณะที่จำนวนครั้งและมูลค่าของการซื้อสินค้าผ่านบัตรก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ปัจจุบัน ฮ่องกงเปิดให้มีการเดินทางเข้าออกอย่างเสรี ยอดค้าปลีกในฮ่องกงยังมีมูลค่าสูงถึง 1.588 ล้านล้านบาท ในปี พ.ศ. 2564 แม้ต้องเผชิญความท้าทายจาก โควิด-19 แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและฟื้นตัวได้อย่างยอดเยี่ยมของตลาดค้าปลีกในฮ่องกงท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ โดยธุรกิจที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ได้แก่ ค้าปลีก เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ นาฬิกา และของขวัญล้ำค่าต่างๆ ซึ่งมียอดขายรวมกันกว่า 6.03 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ฮ่องกงมอบโอกาสทองให้กับผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการสร้างแบรนด์และขยายไลน์สินค้าเพิ่มภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า ตลาดค้าปลีกฮ่องกงมีศักยภาพที่โดดเด่นทั้งในระยะกลางจนถึงระยะยาว โดยมีความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น ระบบนิเวศทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และโอกาสจากยุทธศาสตร์เขตเศรษฐกิจ GBA เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก
เป็นจุดสตาร์ทที่ดีสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพ
ธุรกิจในฮ่องกงได้รับประโยชน์จากระบบภาษีที่ขึ้นชื่อว่าเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเพื่อเป็นการสนับสนุนบริษัทและสตาร์ทอัพในช่วงการเติบโต ฮ่องกงจะคิดอัตราภาษีเพียง 8.25% เท่านั้น สำหรับผลกำไร 9 ล้านบาทแรก
สตีเฟ่นส์กล่าวในท้ายที่สุดว่า นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาคแล้ว ฮ่องกงยังส่งเสริมการลงทุนด้านฟินเทค รวมทั้งธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ครอบคลุมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) และBig Data มีหน่วยงานให้ทุนสนับสนุนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ นอกจากนี้ ฮ่องกงยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในด้านการท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่ผู้ประกอบการไทยมีจุดแข็งอย่างมาก จึงอยากจะเชิญชวนให้เข้ามาร่วมขยายการเติบโตในฮ่องกง