“ฟินแลนด์” ยังครองความฟินเป็นปีที่ 6 “ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก”

21 มี.ค. 2566 | 07:06 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มี.ค. 2566 | 07:15 น.

ฟินแลนด์ยังคงเป็นประเทศที่ “มีความสุขมากที่สุดในโลก” เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่อัฟกานิสถานและเลบานอน เป็นประเทศที่ “มีความสุขน้อยที่สุด” ส่วนประเทศไทยอันดับ 60

 

จาก รายงานความสุขโลกประจำปี 2023 ที่เผยแพร่เนื่องใน วันความสุขสากล (20 มี.ค.) ตามประกาศของสหประชาชาติ มาตั้งแต่ปี 2012 ระบุว่า “ฟินแลนด์” ยังครองอันดับ 1 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ส่วนอันดับรองลงมา ได้แก่ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และนิวซีแลนด์

ทั้งนี้ ประชากรราว 5.5 ล้านคนในฟินแลนด์ ถือได้ว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกด้าน ทั้งความเป็นอยู่ การศึกษา ความปลอดภัย และสวัสดิการด้านต่างๆ ขณะเดียวกันก็มีอัตราคดีอาชญากรรม ความไม่เท่าเทียม และความยากจน ต่ำที่สุดในโลก

ประชากรราว 5.5 ล้านคนในฟินแลนด์ ถือได้ว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกด้าน

รายงานความสุขโลก ซึ่งจัดทำโดยเครือข่ายวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Solutions Network-SDSN) และมีการเผยแพร่ครั้งแรกในปี 2555 เป็นการจัดอันดับความสุขในกว่า 150 ประเทศ อาศัยข้อมูลผลสำรวจของแกลลัป เวิลด์ โพลล์ ที่ให้ประชาชนประเมินความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง วัดด้วยปัจจัยสำคัญ 6 ข้อ ได้แก่

  1. การสนับสนุนทางสังคม
  2. รายได้
  3. สุขภาพ
  4. เสรีภาพ
  5. ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
  6. และการปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน

ก่อนกำหนดคะแนนความสุขตามค่าเฉลี่ยของข้อมูลในช่วง 3 ปี

ฟินแลนด์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีทะเลสาบนับพันแห่งและมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ ประชาชนในประเทศได้รับระบบสวัสดิการที่ครอบคลุม มีความไว้วางใจต่อฝ่ายการเมือง และระดับความเหลื่อมล้ำในสังคมมีสัดส่วนน้อยมากหากเทียบกับจำนวนประชากรทั้ง 5.5 ล้านคน

ฟินแลนด์ ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีทะเลสาบนับพันแห่งและมีป่าที่อุดมสมบูรณ์

นอกจากฟินแลนด์ที่มาเป็นอันดับ1 แล้ว จะเห็นได้ว่า ประเทศแถบยุโรปเหนือได้ครองตำแหน่งสูงสุดอีกครั้งในปีนี้ โดยมีเดนมาร์กตามมาเป็นอันดับ 2 และไอซ์แลนด์ในอันดับ 3 ขณะที่อิสราเอลกระโดดมาคว้าอันดับที่ 4 หลังจากได้อันดับ 9 เมื่อปีที่แล้ว

ส่วนประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุดในโลก 10 อันดับแรกประจำปี 2023 ได้แก่ อัฟกานิสถาน ที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากสงครามและอยู่ภายใต้การปกครองอย่างเข้มงวดของกลุ่มตอลิบัน โดยอัฟกานิสถานครองอันดับสุดท้ายมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2563 ตามมาด้วยเลบานอน เซียร์ราลีโอน ซิมบับเว คองโก บอสตวานา มาลาวี โคโมโรส แทนซาเนีย และแซมเบีย

ขณะที่รัสเซียอยู่ในอันดับที่ 70 ยูเครนอยู่ในอันดับ 92 เป็นที่สังเกตว่า ประเทศที่อยู่ในสงครามอย่างยูเครน มีอันดับขยับขึ้นมาเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่ยังมีการสู้รบในประเทศและผู้คนจำนวนมากต้องอพยพ อันดับของยูเครนดีขึ้นจาก 98 เป็น 92 ในปีนี้แม้ว่าจะมีการรุกรานจากรัสเซีย โดยผู้จัดทำรายงานให้ทรรศนะว่า ขนาดของความทุกข์และความเสียหายที่ยูเครนได้รับนับตั้งแต่ที่ถูกรุกรานในปี 2565 ได้แปรเปลี่ยนเป็นคะแนนความเมตตากรุณาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่คะแนนดังกล่าวปรับลดลงในรัสเซีย

สำหรับประเทศไทยนั้น ปีนี้อยู่ในอันดับที่ 60

ในรายงานระบุด้วยว่า ประชากรส่วนมากทั่วโลกสามารถปรับตัวได้อย่างดี แม้ต้องเผชิญวิกฤติรุมเร้า ทั้งการระบาดของโควิด-19 วิกฤติพลังงานทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง และความขัดแย้งในยูเครน

ลิทัวเนียเป็นประเทศน้องใหม่ที่ติด 20 อันดับแรกในปีนี้ เอาชนะฝรั่งเศสเจ้าของอันดับที่ 20 ของปีก่อน และเอสโตเนียก้าวกระโดดมากที่สุดถึง 35 อันดับ โดยครั้งที่แล้วได้อันดับที่ 66 ขณะที่ครั้งนี้ขยับมาอยู่อันดับที่ 31