นายเควิน แมคคาร์ธีย์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งเป็นส.ส.จากพรรครีพับลิกัน เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (26 มี.ค.) ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจะเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายที่จะช่วยสลายความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติที่มีต่อแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ TikTok (ติ๊กต็อก) ภายใต้ข้อกล่าวหาที่ว่า รัฐบาลจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในแอปฯ นี้ได้
แมคคาร์ธีย์ กล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่า "สภาล่างจะเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายนี้เพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากการเข้าถึงข้อมูลโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน"
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในสหรัฐขณะนี้คือ กำลังมีเสียงเรียกร้องดังขึ้นให้ห้ามใช้ แอปพลิเคชัน TikTok ซึ่งมี ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทเทคโนโลยีของจีนเป็นเจ้าของ นอกจากนี้ ยังมีความพยายามให้มีการผ่านร่างกฎหมายที่มอบอำนาจให้แก่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นผู้สั่งห้ามการใช้แอปฯ นี้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 มี.ค.) นายโซ่ว จื่อ โจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TikTok ขึ้นตอบคำถามของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเป็นเวลา 5 ชม. เกี่ยวกับความกังวลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติและความปลอดภัยของชาวอเมริกัน 150 ล้านคนผู้ใช้งานแอปฯ นี้
"เป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่งที่ซีอีโอของ TikTok ไม่สามารถตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์และยอมรับสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วว่าเป็นความจริง นั่นก็คือทางการจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐได้" นายแมคคาร์ธีย์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ทวีตเมื่อวันอาทิตย์(26 มี.ค.)
ทางด้าน ส.ส.ไมค์ กัลลาเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่าด้วยกรณีพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวกับสถานีข่าวเอบีซีนิวส์ ในวันเดียวกันว่า การปรากฏตัวของซีอีโอ TikTok ต่อรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดี แทนที่จะช่วยบรรเทาความกังวลของบรรดานักการเมืองสหรัฐที่มีต่อ TikTok กลับยิ่งเพิ่มโอกาสที่รัฐสภาสหรัฐจะดำเนินการบางอย่างในการจัดการแอปฯ สื่อสังคมออนไลน์นี้
ทาง TikTok ยืนยันว่า ได้ลงทุนด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้เป็นมูลค่ามากกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ ภายใต้โครงการ "Project Texas" ซึ่งมีพนักงานเกือบ 1,500 คนดูแลในเรื่องนี้ และได้ทำสัญญากับบริษัทเทคโนโลยี ออราเคิล (Oracle Corp.) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน เพื่อให้มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐอเมริกาด้วย เพื่อเป็นมาตรการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยของข้อมูลให้กับบรรดาผู้ใช้ TikTok มากขึ้นด้วย