นายบ็อบ ไอเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ เปิดเผยวานนี้ (28 มี.ค.) ว่า บริษัทจะเริ่ม ปลดพนักงาน รอบแรกในสัปดาห์นี้ จากทั้งหมดที่จะมีถึง 3 รอบด้วยกัน
โดยหลังจากรอบแรกสัปดาห์นี้ การปลดพนักงานของดิสนีย์ในรอบ 2 จำนวนหลายพันคนจะมีขึ้นในเดือนเมษายน ส่วนการปลดพนักงานในรอบ 3 จะมีขึ้นก่อนช่วงฤดูร้อน ซึ่งจะทำให้มีพนักงานถูกปลดออกรวมจำนวนทั้งสิ้น 7,000 คน หรือคิดเป็น 3.2% ของพนักงานดิสนีย์ทั่วโลกทั้งหมด 220,000 คน
นายไอเกอร์เผยว่า การปลดพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มกระแสเงินสด โดยคาดว่าเมื่อปลดพนักงานแล้วตามแผน บริษัทจะลดค่าใช้จ่ายได้ 5,500 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.9 แสนล้านบาท
CNBC สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานว่า พนักงานทั้ง 50 คนในแผนกเมตาเวิร์สของดิสนีย์จะถูกปลดออกทั้งหมด แต่นายไมค์ ไวท์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลแผนกธุรกิจดังกล่าว จะยังคงอยู่กับบริษัทต่อไป แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ใหม่ของเขา
ดิสนีย์เริ่มเข้าสู่ธุรกิจเมตาเวิร์สก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับบริษัทหลายแห่ง หลังจากที่เฟซบุ๊กเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น "เมตา" พร้อมกับความหวังในการสร้างโลกดิจิทัลใบใหม่
นายบ็อบ ชาเปค อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดิสนีย์ ได้ตั้งแผนกหนึ่งขึ้นมาเพื่อดำเนินกลยุทธ์เกี่ยวกับเมตาเวิร์สในช่วงต้นปี 2565 นำโดยนายไมค์ ไวท์ โดยเขามีหน้าที่เชื่อมโยงโลกในความเป็นจริงเข้ากับโลกดิจิทัลสำหรับอาณาจักรความบันเทิงของดิสนีย์
ดิสนีย์ไม่เคยระบุอย่างเปิดเผยถึงแผนการทำธุรกิจเกี่ยวกับเมตาเวิร์ส โดยนายชาเปคกล่าวแต่เพียงว่า ดิสนีย์กำลังสร้างโอกาสเพิ่มขึ้นให้ผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วมในผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มของบริษัท
อย่างไรก็ดี หลังจากที่นายไอเกอร์กลับมากุมบังเหียนอาณาจักรดิสนีย์ และดำรงตำแหน่งซีอีโอต่อจากนายชาเปคในปีที่ผ่านมา (2565) เขาก็ปรับโครงสร้างบริษัท จนนำมาสู่การปิดฉากธุรกิจเมตาเวิร์สในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมองว่าเมตาเวิร์สไม่ถือเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อดิสนีย์ และยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่เมตาเวิร์สจะได้รับความนิยมจนกระทั่งมีผู้ใช้งานในวงกว้าง