คดี “แอม ไซยาไนด์” ทำให้ ไซยาไนด์ (Cyanide) กลายเป็นที่สนใจของคนไทยทั้งประเทศ สารเคมีอันตรายที่มีความเป็นพิษสูงชนิดนี้ เคยเกี่ยวข้องกับคดีสะเทือนขวัญมาแล้วทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือการปลิดชีวิตฆ่าตัวตายของ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ผู้นำนาซีเยอรมันในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง
กินยาพิษไซยาไนด์หนีความผิด
เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2488 ขณะที่กองทัพเยอรมนีกำลังพ่ายแพ้ให้กับกองทัพโซเวียตที่บุกโจมตีเข้าถึงกรุงเบอร์ลิน “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ผู้นำนาซีเยอรมัน กระทำอัตวินิบาตกรรม ปลิดชีพตัวเองด้วยการกลืนแคปซูลบรรจุสารพิษ “ไซยาไนด์” ภายในบังเกอร์หลบภัยที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 50 ฟุต ก่อนที่จะใช้ปืนพกยิงตัวตายซ้ำเพื่อความมั่นใจ ข้างกายของเขาคือเอฟา เบราน์ ภรรยา ที่ดับชีพตายตามฮิตเลอร์ด้วยไซยาไนด์เช่นกัน
ในบันทึกของคนรับใช้ที่ชื่อ ไฮนซ์ ลิงเงอ (Heinz Linge) ซึ่งเขียนบันทึกวาระสุดท้ายของฮิตเลอร์เอาไว้ ระบุว่า ความพ่ายแพ้ของกองทัพเยอรมนีและการบุกรุกคืบเข้ามาถึงกรุงเบอร์ลินของกองทัพโซเวียตนับเป็นข่าวร้ายที่ฮิตเลอร์ได้รับอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายของชีวิต เขาเริ่มเรียกประชุมรายวัน และวางแผนการฆ่าตัวตายหากถูกบุกจับ ซึ่งยาพิษไซยาไนด์เป็นส่วนหนึ่งของแผนการนั้น
ฮิตเลอร์มอบขวดยาพิษและสั่งบริวารว่าหากเขาตายแล้วให้นำศพไปเผา อย่าให้ฝ่ายศัตรูนำร่างของเขาไปประจานได้ (เช่นกรณีของเบนิโต มุสโสลินี ผู้นำเผด็จการของอิตาลี ซึ่งถูกยิงเป้าเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2488 และมีการนำร่างไร้วิญญาณของเขาไปแขวนประจานให้เห็นว่าตายแน่แล้วในเมืองมิลาน)
หลังจากนั้น ในวันที่ 30 เมษายน 2488 (ค.ศ. 1945) ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองที่เขาเป็นผู้เริ่มก่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฆ่าตัวตายหนีการถูกจับกุมด้วยการกลืนยาพิษไซยาไนด์และใช้ปืนพกยิงซ้ำ ขณะที่เอฟา ผู้เป็นภรรยา กินยาพิษไซยาไนด์สิ้นชีพตามกันไป
หลักฐานตรวจฟันพบร่องรอย "ไซยาไนด์"
ถึงแม้ว่าการตายและสาเหตุการตายของฮิตเลอร์ จะยังคงเป็นที่ถกเถียง โดยบางกรณีระบุว่า เขาตายด้วยยาพิษไซยาไนด์เท่านั้น และบางกรณีก็ว่า เขาตายด้วยการใช้ปืนยิงศีรษะตัวเองพร้อมกับกัดแคปซูลบรรจุสารพิษไซยาไนด์ พยานคนหนึ่งบันทึกเอาไว้ว่า ศพมีรอยบาดแผลจากการถูกยิงทะลุผ่านปาก แต่กระนั้น ต่อมาก็ได้มีการตรวจพิสูจน์เพื่อพยายามหาคำอธิบายและคลี่คลายหลายข้อสงสัย
เดือนพฤษภาคม 2561 คณะนักวิจัยชาวฝรั่งเศสได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบ “ชิ้นส่วนฟัน” ของฮิตเลอร์ที่ทางการรัสเซียยึดไว้ ศาสตราจารย์ฟิลิป ชาร์ลิเยร์ หัวหน้าทีมวิจัยเปิดเผยว่า ฟันของฮิตเลอร์เป็นของจริง และผลการตรวจพิสูจน์ของทีมงานพบว่า ฮิตเลอร์เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2488 อย่างแน่นอน
"เราสามารถยุติทฤษฎีคาดเดาต่างๆ นานา เรายืนยันได้ว่า ฮิตเลอร์ไม่ได้หนีไปอาร์เจนตินาด้วยเรือดำน้ำ เขาไม่ได้หลบซ่อนอยู่ที่ฐานลับในขั้วโลกใต้ หรืออยู่ที่มุมมืดของดวงจันทร์" ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องเล่าลือจากฝ่ายผู้เชื่อว่าฮิตเลอร์ไม่ได้ตายจริง รายงานผลการศึกษา ซึ่ง ศจ.ชาร์ลิเยร์เขียนร่วมกับนักวิจัยอื่นๆ อีก 4 คน ถูกตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2561 ในนิตยสารวิทยาศาสตร์ European Journal of Internal Medicine ระบุรายละเอียดที่น่าสนใจว่า จากการตรวจวิเคราะห์ฟันผุและฟันปลอมจำนวนมากของฮิตเลอร์ พบคราบหินปูนสีขาว ไม่มีร่องรอยของเส้นใยเนื้อสัตว์ เนื่องจากผู้นำเผด็จการรายนี้กินมังสวิรัติ
ศจ.ชาร์ลิเยร์ ยังกล่าวด้วยว่า การตรวจพิสูจน์ฟันไม่พบร่องรอยเขม่าดินปืน ซึ่งบ่งชี้ว่าฮิตเลอร์ไม่ได้ใช้ปืนพกยิงกรอกปากตนเอง แต่จ่อยิงที่ลำคอหรือหน้าผาก นอกจากนั้น “คราบสีน้ำเงิน” ที่เห็นบนฟันปลอมของฮิตเลอร์ บ่งชี้ว่าเกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่าง “ไซยาไนด์” กับโลหะของฟันปลอม
ปลิดชีพชาวยิวด้วย"ไฮโดรเจนไซยาไนด์"
ทั้งนี้ “ไซยาไนด์” ไม่เพียงเป็นสารพิษที่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เลือกใช้ปลิดชีวิตตนเองเท่านั้น แต่ในช่วงที่เขายังเรืองอำนาจอยู่ ฮิตเลอร์ยังเป็นผู้ริเริ่มนำ Zyklon B (ไซโคลน บี) ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของยาฆ่าแมลงที่มีไซยาไนด์เป็นส่วนประกอบ มาใช้เป็นเครื่องมือในการสังหารชาวยิวนับล้านคนในห้องรมควัน หรือห้องรมแก๊ส เพื่อเป็นการสังหารหมู่คราวละมากๆอีกด้วย
ห้องรมควันชาวยิวของกองทัพนาซีที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุด คือที่ค่ายกักกัน “เอาชวิตซ์” (Auschwitz) ในประเทศโปแลนด์ เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณ 3เมตร ยาวเกือบ 20 เมตร สาร ZyKlon B ที่ทางค่ายสั่งมาหลายตันจะถูกนำมาทำให้เกิดไฮโดรเจนไซยาไนด์ เพื่อปล่อยเข้ามาในห้องรมควันนี้ แก๊สพิษดังกล่าวทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน เมื่อเหยื่อเสียชีวิตหมดแล้ว ทางผู้คุมที่ใส่หน้ากากป้องกันเป็นอย่างดี จะเข้ามาตรวจสอบและเปิดฝาหลังคา และเปิดประตู เพื่อนำศพไปเผาทำลาย
ฉะนั้น พิษภัยของไซยาไนด์ จึงออกฤทธิ์ได้ในหลายรูปแบบ ทั้งด้วยการสูดไฮโดรเจนไซยาไนด์ หรือแก๊สไซยาไนด์เข้าไป หรือด้วยการกินไซยาไนด์ทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ แม้กระทั่งการสัมผัสกับสารไซยาไนด์ ก็ทำให้ชีวิตปลิดปลิว ถึงตายได้เช่นกัน