ย้อนอดีต “ฆาตกรต่อเนื่อง” ในไทย “ไซยาไนด์11 ศพ”ไม่ใช่คดีแรก

27 เม.ย. 2566 | 09:10 น.
อัปเดตล่าสุด :27 เม.ย. 2566 | 09:32 น.

จากคดี “แอม ไซยาไนด์” หรือ “ไซยาไนด์11ศพ” ทำให้คำว่า“ฆาตกรต่อเนื่อง”ได้รับความสนใจอย่างมาก เรามาทำความรู้จักคำนี้ พร้อมย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญที่เคยเกิดขึ้นในไทย 

 

ฆาตกรต่อเนื่อง หรือ serial killer อาทิ ในกรณีของ "ไซยาไนด์ 11 ศพ" หมายถึง บุคคลที่ก่อคดีฆาตกรรมขึ้น โดยมีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป หรือก่อเหตุมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ ฆาตกรต่อเนื่องส่วนมาก จะเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมที่ตัดขาดจากสังคมภายนอก (Antisocial Personality Disorder) และไม่ได้เป็นบ้า ดูจากภายนอกแล้วจะเหมือนกับคนปกติทั่วไป บางครั้งจะมีเสน่ห์กว่าคนปกติด้วยซ้ำซึ่งเป็นตัวล่อให้เหยื่อตายใจ หรือไม่ทันได้ระมัดระวังตัว

ฆาตกรต่อเนื่องหลายคนมีพื้นฐานความหลังที่ขมขื่น โดยมากมักจะเป็นผู้ที่ถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงมาก่อน เช่น ถูกทารุณกรรม หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อครั้งยังเด็ก ทำให้บ่อยครั้งที่ฆาตกรต่อเนื่องก่อคดีที่มีความเกี่ยวพันหรือคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่พวกเขาเคยประสบมาในอดีต

นักจิตวิทยาให้ข้อสันนิษฐานถึงที่มาของแรงจูงใจในการก่อคดีของฆาตกรต่อเนื่องไว้หลายสมมติฐานด้วยกัน ส่วนมากมักเกี่ยวกับการทารุณกรรม และการล่วงละเมิดทางเพศ บางครั้งก็เป็นความอับอายที่ถูกล่วงละเมิดในวัยเด็ก หรือมีความกดดันจากความอดอยาก จากการมีฐานะทางสังคมต้อยต่ำเมื่อโตขึ้น

บ่อยครั้งที่ฆาตกรต่อเนื่องก่อคดีขึ้น เพื่อเป็นการระบายความแค้นส่วนตัว หรือทำให้ตนเองรู้สึกมีอำนาจในช่วงเวลาที่ลงมือฆ่า แรงจูงใจของฆาตกรต่อเนื่อง จึงมักจะแตกต่างกับพวกมือสังหารที่ก่อคดีฆาตกรรมเพื่อผลประโยชน์

นักจิตวิทยาได้ตั้งอีกสมมติฐานที่ว่า ฆาตกรต่อเนื่องเป็นพวกที่ไม่มีพัฒนาการทางอารมณ์ ทำให้กลายเป็นพวกแปลกแยกและถูกปฏิเสธจากสังคมภายนอก เป็นผลทำให้บุคคลเหล่านี้ สามารถก่อคดีได้โดยที่ไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย และไม่ใช่กรณีของฆาตกรรมอำพราง บางกรณีการถูกเยาะเย้ย หรือกดขี่ทางสังคมก็เป็นอีกเหตุจูงใจหนึ่ง

ทั้งนี้ ฆาตกรต่อเนื่องมักมีความสนใจหรือพยายามที่จะสนใจ ในเรื่องที่เหยื่อชื่นชอบเป็นพิเศษ เช่น การเรียน การแข่งขัน เรื่องเพศ ฯลฯ เมื่อก่อคดีพวกฆาตกรต่อเนื่อง มักจะมีความรู้สึกที่คล้ายกับ กำลังทำการค้นคว้าวิจัยบางสิ่งบางอย่างของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่มีความรู้สึกผิด กับสิ่งที่ตนนำมาทดลองเหมือนกับการนำกบมาชำแหละเพื่อศึกษาโครงสร้าง ฆาตกรต่อเนื่องจะพยายามเข้าใจถึงตัวตนที่แท้จริงของตน ก็เมื่อได้ก่อคดีในแต่ละครั้ง ด้วยการสร้างความเจ็บปวดให้เหยื่อ และประเมินสภาพของศพเมื่อเหยื่อตายไปแล้ว

ในต่างประเทศมีคดีมากมายที่เกิดจากฆาตกรต่อเนื่อง ย้อนอดีตไปได้ไกลถึง 130 กว่าปีที่แล้ว เช่นกรณีของแจ็กเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องแห่งยุคปี 1888 ที่มีเหยื่อเป้าหมายเป็นหญิงโสเภณีในมหานครลอนดอน คดีของเขามีเหยื่อ 5 คน หรือในสหรัฐอเมริกามีคดีของฆาตกรต่อเนื่องที่เรียกว่า คดีฆาตกรหั่นศพแห่งคลีฟแลนด์แห่งทศวรรษ 1930 พบผู้เป็นเหยื่อของฆาตกรหั่นศพอย่างน้อย 12 คน

คนไทยเคยได้ประหวั่นพรั่นพรึงกับการก่อคดีของฆาตกรต่อเนื่องมาบ้างแล้วไม่น้อยเช่นกัน

หันมาดูแฟ้มคดีฆาตกรต่อเนื่องในประเทศไทย นอกจากคดีของ “แอม ไซยาไนด์” หรือ “ไซยาไนด์ 11 ศพ” ที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนไทยเคยได้ประหวั่นพรั่นพรึงกับการก่อคดีของฆาตกรต่อเนื่องมาบ้างแล้วไม่น้อยเช่นกัน เราลองมาย้อนร่องรอยของคดีในอดีต ดังนี้

บุญเพ็งหีบเหล็ก

ผู้สร้างตำนานฆาตกรต่อเนื่องในรัชสมัยของรัชกาลที่6  รูปแบบการก่อคดีของฆาตกรรายนี้ คือการใช้ของมีคมสังหารเหยื่อ แล้วหั่นศพ ก่อนนำศพใส่หีบเหล็กถ่วงน้ำ ภายหลังเขาถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ และปลงศพที่วัดภาษี ปัจจุบันมีศาลบูชาบุญเพ็งตั้งอยู่ภายในวัดนั้น

เหยื่อของบุญเพ็งเป็นเศรษฐีนีถึง 7 คน สตรีเหล่านี้เป็นโยมสีกาที่มาเป็นลูกศิษย์ลูกหาของบุญเพ็งสมัยที่เขาบวชเป็นภิกษุจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองนนทบุรี พระบุญเพ็งมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงเหล่านี้ ต่อมาเกิดโลภมากในทรัพย์จึงได้ฆ่าสีกาเหล่านี้ รวมการก่อเหตุต่างกรรมต่างวาระถึง 7 คน เขานำศพยัดใส่หีบเหล็กแล้วถ่วงน้ำทุกครั้ง บุญเพ็งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2461 กำหนดวันประหารวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2462

บุญเพ็งหีบเหล็ก ได้ชื่อว่าเป็นนักโทษชายที่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตคนสุดท้าย ที่ถูกสำเร็จโทษด้วยการตัดคอ

ซีอุย

ชายชาวจีนที่ถูกประหารชีวิตโทษฐานฆ่าเด็ก เขาถูกจับกุมฐานฆ่าเด็กชายสมบูรณ์ บุญยกาญจน์ ที่จังหวัดระยองในปี 2501 ต่อมาตำรวจสืบสวนจนได้คำรับสารภาพจากซีอุยว่า เขาเคยก่อคดีอีกอย่างน้อย 6 คดีในช่วงปี พ.ศ. 2497–2501 แบ่งเป็นที่ประจวบคีรีขันธ์ 4 คดี กรุงเทพมหานครและนครปฐมแห่งละ 1 คดี ศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิตเฉพาะคดีฆ่าเด็กชายสมบูรณ์ บุญยกาญจน์

สื่อมวลชนในสมัยนั้นเขียนว่าศพในคดีที่ซีอุยรับสารภาพ มีการหั่นศพและอวัยวะภายในหายไป ทำให้มีข่าวว่าซีอุยเป็นมนุษย์กินคน ต่อมาผู้ใหญ่จึงมักขู่เด็กที่ดื้อหรือไม่เชื่อฟังว่า "ซีอุยจะมากินตับ"

ศพของซีอุยเดิมถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช ภายในพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ ต่อมามีกระแสเรียกร้องทางอินเทอร์เน็ตให้มีการนำศพซีอุยออกจากโรงพยาบาลศิริราช เพราะเห็นว่าซีอุยไม่ใช่ฆาตกรตัวจริงของเหยื่อทั้งหมด รวมถึงมีการรณรงค์ทาง change.org เพื่อนำศพออกจากที่จัดแสดง ทางโรงพยาบาลจึงประกาศตามหาญาติซีอุยเพื่อจัดการศพ และสุดท้ายก็มีการฌาปณกิจใน พ.ศ. 2563

สมคิด พุ่มพวง

ผู้ได้ฉายา คิดเดอะริปเปอร์เมืองไทย เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีในช่วง พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2562 รูปแบบการก่อคดี คือบีบคอ กดน้ำ และรัดคอเหยื่อ เขาถูกจับกุมที่จังหวัดชัยภูมิในคดีฆาตกรรมหมอนวดที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาตัดสินจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี

อย่างไรก็ตาม สมคิด พุ่มพวง ได้รับการลดโทษลงมาเรื่อย ๆ ตามหลักเกณฑ์ เนื่องจากประพฤติตัวดี เขาจึงถูกย้ายออกจากเรือนจำกลางบางขวาง กลับภูมิลำเนามาอยู่ที่เรือนจำหนองคาย ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในเดือนพฤษภาคม 2562 แต่ต่อมา เนื่องจากเขาได้ก่อคดีฆาตกรรมซ้ำอีกในวันที่ 15 ธันวาคม 2562  ดังนั้น ชีวิตของเขาจึงจบลงที่คำสั่งประหารชีวิต

นิรุต หรือ จำลอง สอนคำหาร

เขาคนนี้ เป็นที่รู้จักในชื่อ “ฆาตกรรถกระบะ” เป็นฆาตกรที่วางยาพิษคนขับรถรับจ้าง 9 รายติดต่อกันในช่วงปี พ.ศ. 2554 - 2555 ก่อนนำเหยื่อไปทิ้งไว้ข้างถนนแล้วขโมยรถไปขาย เขาถูกจับกุมที่ห้องพักในจังหวัดนครปฐม วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555 เขาชิงฆ่าตัวตายหนีความผิดในห้องขังสถานีตำรวจภูธรคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ครั้งแรกเขาพยายามใช้สายไฟเเขวนคอตัวเอง แต่สายไฟขาดทำให้เขารอดชีวิต แต่ช่วงเช้ามืดของวันต่อมาเขาได้ใช้เสื้อยืดแขวนคอกับลูกกรงห้องขัง เจ้าหน้าที่ได้เห็นเหตุการณ์และพยายามเข้าช่วยเหลือแต่ไม่สำเร็จ  ฆาตกรผู้นี้ปลิดชีพตัวเองได้สำเร็จ ปิดตำนานฆาตกรรถกระบะ 9 ศพ

“ติ๊งต่าง” หรือ หนุ่ย หรือ ขุนเดช

เขาผู้นี้ไม่มีนามสกุลเนื่องจากพื้นเพเป็นชาวเมียนมา แต่เป็นที่รู้จักในนาม “ติ๊งต่าง” เป็นคนร้ายที่ก่อคดีข่มขืนและฆาตกรรมเด็ก 10 คดี เขาเคยถูกจับกุมในคดีพยายามทำอนาจารเด็กผู้หญิงที่อำเภอเปือยน้อยใน พ.ศ. 2551 ก่อนเขาจะพ้นโทษใน พ.ศ. 2555 และเขาได้ก่อคดีข่มขืนเด็กอีกครั้งในช่วง พ.ศ. 2556 “ติ๊งต่าง” ถูกจับกุมในจังหวัดหนองคายในคดีฆาตกรรมและข่มขืนเด็กข้างสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ซึ่งต่อมาเขาได้สารภาพว่าข่มขืนเด็ก 10 รายและฆาตกรรมเด็ก 4 ราย ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในคดีฆาตกรรมเด็ก 4 คดี

ไอซ์ หีบเหล็ก

นายอภิชัย องค์วิศิษฐ์ หรือ ไอซ์ อายุ 40 ปี ถูกจับกุมเมื่อเดือนตุลาคม 2562 โดยตำรวจได้บุกจับไอซ์ที่บ้านพักหลังจากที่เพื่อนสนิทของเขาให้การกับตำรวจว่า เคยช่วยไอซ์ฝังศพเหยื่อในบริเวณบ้าน ซึ่งจากการตรวจสอบของตำรวจ ในบ้านพบยาไอซ์บรรจุในถุงซิป พร้อมอุปกรณ์การเสพ 1 ชุด และจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดใช้สำรวจความเคลื่อนไหวรอบตัวบ้าน รวมถึงร่องรอยกระสุนปืนที่นายไอซ์ชอบยิงใส่ฝ้าเพดานบ้านตัวเองตอนเมายาอีกหลายนัด

ไอซ์รับสารภาพว่ามีการฆ่าเหยื่อจริง โดยมีการทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ และจับเหยื่อยัดใส่หีบเหล็ก หลังจากนั้น นักประดาน้ำยังงมหาร่างและชิ้นส่วนกระดูกในบึงน้ำในบริเวณบ้านพัก ซึ่งก็พบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์รวมทั้งหมด 288 ชิ้น คาดว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ศพ