ไมค์ เพนซ์ ท้าชิงตำแหน่งตัวแทนรีพับลิกัน สู้ศึกเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐ 2024

06 มิ.ย. 2566 | 01:31 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มิ.ย. 2566 | 01:52 น.

นายไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐยุคสมัยปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ยื่นเอกสารยืนยันว่าเขาจะลงสมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐวัย 64 ปี ได้ดำเนินการยื่นเอกสารเมื่อวันจันทร์ (5 มิ.ย.) ยืนยันว่า เขาจะลงสมัครเป็น ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ใน ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่กำลังจะมีขึ้นในปีหน้า (2024) อย่างไรก็ตาม การประกาศท้าชิงเป็นตัวแทนพรรคในครั้งนี้ หมายความว่าก่อนจะไปถึงด่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี2024 ซึ่งจะเป็นการชิงชัยจากพรรคเดเมโครตที่คุมทำเนียบขาวอยู่ในเวลานี้ นายไมค์ เพนซ์ ต้องลงแข่งขันภายในพรรคเพื่อให้ได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันอย่างเป็นทางการเสียก่อน

ซึ่งเรื่องนี้ถูกมองว่า เป็นงานหินโหด เพราะเขาต้องเอาชนะนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตนายเก่า (ในฐานะที่เพนซ์เป็นรองประธานาธิบดี ในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี) ที่ประกาศลงเลือกตั้งในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไปก่อนหน้านี้แล้วแม้ว่านายทรัมป์เอง กำลังถูกสอบสวนดำเนินคดีอาญาอยู่หลายคดีก็ตาม

ไมค์ เพนซ์ ต้องผ่านด่านแรกคือการแข่งขันกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตนายเก่าของเขาก่อน เพื่อให้ได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลืกัน

สื่อระบุว่า หลังรับบทบาท “รองประธานาธิบดีผู้จงรักภักดี” ต่อทรัมป์มาเป็นเวลาถึง 4 ปี ทั้งสองคนก็แตกคอกัน หลังเพนซ์ปฏิเสธที่จะทำตามความต้องการของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ให้คว่ำผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 (ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ทรัมป์พ่ายแพ้ให้แก่นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต) จนทำให้ผู้สนับสนุนทรัมป์รวมตัวกันบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี ค.ศ. 2021 และก่อเหตุจลาจล

เหตุการณ์ครั้งนั้น จบลงโดยมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง และมีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุกว่า 1,000 คน แม้แต่นายทรัมป์เองก็ถูกทางคณะกรรมการสอบสวนเหตุบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐ เสนอให้กระทรวงยุติธรรมเดินหน้ายื่นฟ้องในคดีอาญาหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของเขาในเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการเป็นผู้ยั่วยุและเป็นผู้จุดชนวนให้เกิดความรุนแรง

นายไมค์ เพนซ์ กล่าวแสดงความหวังว่า ในครั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน จะลงคะแนนให้กับตัวเขา ไม่ใช่นายทรัมป์ หรือผู้ประกาศลงชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคคนอื่น ๆ

ผลการสำรวจแสดงว่า “ทรัมป์”ยังมีคะแนนนำ

อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจความคิดเห็นสมาชิกพรรครีพับลิกันทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีคะแนนความนิยมนำหน้าผู้ท้าชิงคนอื่น ๆ(ภายในพรรครีพับลิกัน)อยู่มาก แม้จะต้องต่อสู้คดีอาญามากมายอยู่ก็ตาม

ผลการสำรวจแสดงว่า“โดนัลด์ ทรัมป์”ยังมีคะแนนนิยมนำคู่แข่ง

ทั้งนี้ ผู้ที่มีคะแนนตามหลังทรัมป์ มาเป็นอันดับที่ 2 คือ นายรอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ที่คะแนนน้อยกว่าทรัมป์ถึงราว 30% ขณะที่ผู้ท้าชิงคนอื่น ๆ มีคะแนนความนิยมเฉลี่ยราว 5% เป็นอย่างมาก

สื่อสหรัฐระบุว่า เพนซ์ จะประกาศการลงสมัครชิงตั๋วเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกันอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้ (7 มิ.ย.) ซึ่งตรงกับวันครบรอบวันเกิด 64 ปีของเขาเอง ที่รัฐไอโอวา ซึ่งเป็นที่ ๆ พรรครีพับลิกันจะเริ่มต้นการเลือกตั้งขั้นต้นแบบคอคัส ซึ่งเป็นกระบวนการที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะเดินทางไปรวมตัวกันที่หน่วยเลือกตั้งเพื่อร่วมประชุมหารือกันว่า จะเลือกผู้สมัครคนไหนแบบเปิดเผย และอยากจะส่งผู้สมัครคนไหนเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ และในโอกาสนี้ ก็จะเป็นการเลือกคณะผู้แทนที่จะไปร่วมในการประชุมใหญ่ของพรรคด้วย

เพนซ์วางแผนจะทำการหาเสียงอย่างหนักในรัฐไอโอวา ด้วยการชูธงความเป็น “ผู้นับถือศาสนาคริสต์ ผู้มีหัวอนุรักษ์นิยม และสมาชิกพรรครีพับลิกัน” เพื่อหวังดึงเสียงสนับสนุนจากผู้นับถือศาสนาคริสต์ที่ต่อต้านการทำแท้งและผู้มีหัวอนุรักษ์นิยมทั้งหลาย

สำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานว่า จนถึงขณะนี้ ( 6 มิ.ย.) ผู้ที่ประกาศตนพร้อมลงชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า (2023) นอกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเต็งเบอร์หนึ่งที่เป็นอดีตปธน.สหรัฐแล้ว ก็ยังมีอีก 6 คน ได้แก่

  1. นายไมค์ เพนซ์ อดีตรองปธน.
  2. นายรอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา
  3. นางนิกกิ เฮลีย์ อดีตทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ
  4. นายทิม สก็อตต์ วุฒิสมาชิกจากรัฐเซาท์แคโรไลนา
  5. นายอซา ฮัทชินสัน อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ
  6. และนายวิเวก รามาสวามี ผู้ประกอบการจากอุตสาหกรรมไฮเทค