หลังเมื่อวันอาทิตย์ ( 25 มิ.ย.) การเจรจาสงบศึกระหว่าง ‘รัฐบาลรัสเซีย’ กับ “กองกำลังวากเนอร์” สำเร็จลุล่วง แต่สถานการณ์ภายในรัสเซีย ยังคงไม่แน่ว่า "จบลงแล้ว หรือ อาจกลับมาปะทุอีกครั้ง" เพราะทั่วโลกต่างมองว่า “ความขัดแย้งภายใน กำลังทำให้บัลลังก์ของปูตินสั่นคลอน” และอาจมีผลต่อความสามารถในการสู้ศึกยูเครน ที่ยืดเยื้อยาวนานมากกว่า 1 ปี
ปูติน และกองทัพรัสเซีย แทนที่จะพุ่งเป้ากับการสู้รบกับยูเครน กลับเป็นฝ่ายที่ต้องมาป้องกันกรุงมอสโก จากกองกำลังวากเนอร์ที่ สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับตนในการบุกยูเครนมาตลอด
หากศึกภายในยังไม่จบ รัสเซีย อาจตกเป็น “ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ” ยูเครน และเป็น “โอกาสทอง” ของทหารยูเครนที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสู้กลับ เพื่อยึดคืนพื้นที่บางส่วนที่ถูกทหารรัสเซียยึดครองเอาไว้
กลุ่มนักรบรับจ้างวากเนอร์ คือ ใคร?
"วากเนอร์กรุ๊ป" หรือ พีเอ็มซีวากเนอร์ (PMC Wagner) ถูกมองว่าเป็นทั้งบริษัทการทหารของเอกชน , เครือข่ายทหารรับจ้าง, หรือกองทัพส่วนตัวของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน วากเนอร์กรุ๊ปปฏิบัติการณ์อยู่เหนือกฎหมายของรัสเซีย ซึ่งธุรกิจจ้างวานการทหารเป็นสิ่งที่ห้ามกระทำอย่างเปิดเผย
อุดมการณ์ของกลุ่มไม่ได้ยึดแนวคิดใดเป็นพิเศษ แต่มีแนวโน้มว่าเป็น นีโอนาซี และ ขวาจัดหัวรุนแรง
วากเนอร์กรุ๊ป นำโดย “เยฟเกนี พริโกซิน” อดีตคนสนิทของปูติน ที่ผ่านมานั้น กลุ่มวากเนอร์ ได้ถูกส่งไปในหลายประเทศ เพื่อต่อสู้และรักษาผลประโยชน์ให้กับรัสเซีย รวมถึงสู้รบกับยูเครน
ปมขัดแย้งของ “กองทัพรัสเซีย-วากเนอร์”
1.ฝ่ายกองทัพรัสเซียไม่สนับสนุนทั้งด้านอาวุธและการทหาร หลายครั้งที่นักรบของกลุ่มวากเนอร์ต้องตกอยู่ในวงล้อมของกองกำลังยูเครน
2.กลุ่มวากเนอร์เสียชีวิต หลังกองทัพรัสเซียทิ้งระเบิด ซึ่งดูเหมือนจงใจโจมตีฐานของพวกเขา และทำให้กลุ่มวากเนอร์ เสียชีวิตไปถึง 2,000 คน
3.กองทัพรัสเซีย บังคับให้วากเนอร์อยู่ภายใต้กองทัพรัสเซีย นี่คือ ฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้พริโกชินไม่พอใจ และเขามองว่าผู้อยู่เบื้องหลังคำสั่งนี้ คือ “นายเซอร์เกย์ ชอยกู” รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย
พริโกชิน กล่าวว่า ชอยกู คือผู้ปลุกปั่นให้รัสเซียทำสงครามเพื่อสร้างผลงานให้ตัวเอง และเรียกร้องให้ปลดชอยกูจากตำแหน่ง
ปูติน ไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับพริโกชิน ซ้ำยังสนิทสนมกันด้วยซ้ำ แต่ "คู่ขัดแย้งตัวจริงของพริโกชิน" คือรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งปูตินไม่สามารถเข้าไปจัดการตามที่ร้องขอได้ทั้งหมด
สุดสัปดาห์ระทึก สะเทือนบัลลังก์ปูติน
หลังจากเมื่อวันศุกร์ (23 มิ.ย.) “พริโกซิน” ประกาศก่อจลาจลในประเทศ สั่งการเคลื่อนพล 30,000 นาย เดินทางสู่กรุงมอสโก ส่วน “ปูติน” ประกาศ หมายหัวกลุ่มกบฏ เพื่อจับกุมมาดำเนินคดี ในข้อหาก่อกบฏ ที่มีโทษจำคุก 12-20 ปี
แต่สุดท้าย วันต่อมา “ประธานาธิบดีเบลารุส” ได้เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระหว่าง 2 ฝ่าย พริโกชิน ตกลงเดินทางไปพำนักในเบลารุส บรรดานักรบแยกย้ายกลับเข้าฐาน ส่วนฝ่ายปูตินยอมยกเลิกการตั้งข้อหากบฎกับพวกเขาทั้งหมด
เท่ากับว่า "การเจรจาสงบศึก เสร็จสิ้นภายใน 36 ชั่วโมง"
แต่สำนักข่าว TASS ซึ่งเป็นสื่อของรัฐรัสเซีย กล่าวว่า การสืบสวนคดีอาญาต่อพริโกซินยังไม่ถูกยกเลิก นั่นหมายความว่า "ความขัดแย้ง อาจรอวันปะทุ" และปูติน ยังต้อง "คอยระวังหลัง" จากพวกเดียวกัน
ละครฉากใหญ่ เตรียมจู่โจมยูเครน
อีกด้าน มีนักวิเคราะห์มองว่า นี่คือ “กลยุทธ์ระดับลับ-ลวง-พราง” ของรัสเซีย ปฏิบัติการกบฏวากเนอร์ "เป็นแค่ละครฉากใหญ่ "
เป้าหมายรัสเซีย คือ จัดทัพนักรบรับจ้างวากเนอร์ โจมตีกรุงเคียฟของยูเครน ผ่านทางเบลารุส ที่ตั้งเบลารุสนั้น มีชายแดนติดประเทศยูเครนทางทิศเหนือ และระยะทางจากชายแดนเบลารุส ก็ไม่ไกลจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนมากนัก
มีกระแสข่าวว่าวากเนอร์ ได้เคลื่อนพล 30,000 - 40,000 หมื่นคนเข้าไปอยู่ในเบลารุส เรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมง และได้ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เรียบร้อยแล้ว รอกำลังเสริมอีกแค่ 50,000 คนเท่านั้น
ในขณะที่เบลารุส ที่มีผู้นำคือ “นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก” ก็คือ เพื่อนซี้ของปูตินคนหนึ่ง ก็ต้องสนับสนุนภารกิจสงครามของเพื่อนรักอยู่แล้ว
ข่าวลือยังเป็นข่าวลือ สถานการณ์ภายในของรัสเซียอาจยังไม่คลี่คลาย “สงครามยูเครน-รัสเซีย” ที่ทั่วโลกยังเฝ้ามองด้วยความกังวลจะ ยืดเยื้อ หรือรุนแรงกว่าเดิมหรือไม่ ยังไม่มีใครตอบได้