พิพัฒน์ เผยคนไทยในอิสราเอล 2.9 หมื่นคนปลอดภัย 5 พันรายอยู่พื้นที่เสี่ยง

08 ต.ค. 2566 | 08:59 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2566 | 09:08 น.

"พิพัฒน์ รัชกิจประการ" ถกช่วยแรงงานไทยในอิสราเอล ชี้ 2.9 หมื่นคนปลอดภัย อีก 5 พันคนอยู่พื้นที่เสี่ยง รอยืนยันข้อมูลทางการผู้เสียชีวิต 2 ราย เผย ส่งจนท.คุยครอบครัว-ญาติ 11 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และ 8 คนที่บาดเจ็บ ย้ำดูแลแรงงานไทยทั้งถูกและไม่ถูกกฎหมายเต็มที่ 100% 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมการติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือหรือดูแลแรงงานไทยในอิสราเอลในภาวะสงคราม โดยมีการวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อสอบถามสถานการณ์ในประเทศอิสราเอล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกิตติ์ธนา รายงานสถานการณ์ในอิสราเอลผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์อยู่นั้น ได้เกิดเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในระหว่างการประชุม ซึ่งนายกิตติ์ธนา แจ้งกับที่ประชุมว่าเป็นเสียงแจ้งเตือนว่า ขณะนี้มีเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นอยู่ 

นายพิพัฒน์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า แรงงานไทย 8 รายที่ได้บาดเจ็บส่งตัวถึงโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย ส่วนคนที่บาดเจ็บไม่มากส่วนใหญ่ส่งตัวอยู่ในแคมป์คนงานแล้ว ขณะที่แรงงานไทย 11 รายที่ถูกจับเป็นตัวประกันได้มีการประสานงานกับทางสถานทูตไทยในอิสราเอลอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้การช่วยเหลือ ดังนั้นแรงงานไทยทั้ง 19 ราย เจ้าหน้ากระทรวงแรงงานได้พบครอบครัวและญาติเพื่อแจ้งข้อมูลให้ทราบแล้ว  

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากรัฐบาลอิสราเอล และเอกอัครราชทูตไทยในอิสราเอล พร้อมทั้งประสาน 12 บริษัทนายหน้าจัดหางาน เพื่อประสานงานใกล้ชิด 

ทั้งนี้ แรงงานชาวไทยทั้งหมดกว่า 29,900 คนอยู่ในแคมป์คนงานที่ปลอดภัยแล้วที่กระจายตัวอยู่ทั้งประเทศแล้ว แต่ยังมีบางส่วนก็อยู่ในแคมป์คนงานที่เป็นพื้นที่เสี่ยง 5,000 คน ย้ำว่าดูแลแรงงานไทยทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายอย่างเต็มที่ 100%

สำหรับการดูแลเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานได้ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวและญาติของแรงงานไทยทั้ง 8 รายเรียบร้อยแล้ว ในส่วนเยียวยาในลักษณะใดนั้น ต้องดูว่าแรงงานไทยอยู่ในประกันตนหรือไม่ โดยมอบหมายให้กรมจัดหางานและปลัดกระทรวงแรงงาน หามาตรการเยียวยาเบื้องต้น รวมทั้งต้องรอข้อมูลอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลอิสราเอลด้วยว่า จะได้เงินเยียวยาเท่าไร 

ส่วนแรงงานไทยทั้ง 11 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน ได้ลงไปให้กำลังใจครอบครัวและญาติแล้ว แต่ก็ยังไม่ทราบว่า ถูกจับไว้ที่ไหนอย่างไร

นานพิพัฒน์ ระบุอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลอิสราเอลได้ประกาศปิดน่านฟ้า แต่เมื่อไรรัฐบาลอิสราเอลประกาศเปิดน่านฟ้า และอนุญาตให้นำเครื่องบินไปรับได้ กองทัพอากาศก็พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะนายกฯได้สั่งการไว้แล้ว

ส่วนมีแรงงานไทยแจ้งกลับประเทศหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ยังมีไม่มีคนแจ้งอยากจะกลับประเทศไทย แต่มีผู้แจ้งความจำนงจะขอทำงานในอิสราเอลต่อที่เดิม หากมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับ ยืนยันว่ากระทรวงแรงงานจะประสานรัฐบาลอิสราเอลและบริษัทนายหน้าจัดหางานต่างๆ เมื่อเหตุการณ์สงบให้กลับไปทำงานในตำแหน่งเดิม 

พร้อมฝากถึงครอบครัว เมื่อติดต่อโทรศัพท์หรือติดต่อไม่ได้อย่าเพิ่งตกใจ เพราะการสื่อสารถูกตัดขาด บางพิ้นที่ติดต่อได้ บางพื้นที่ติดต่อไม่ได้ เมื่อติดต่อได้เจ้าหน้าที่จะมีการประสานกลับมายังครอบครัว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันเป็นแรงงานด้านการเกษตรทั้งหมด ขณะนี้เรามีรายชื่อแล้ว แต่เพื่อป้องกันเกิดความสับสน จึงยังไม่แจ้งรายชื่อผู้บาดเจ็บและผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย คาดว่าพรุ่งนี้ (9 ต.ค.) จะแจ้งรายชื่อให้ชัดเจนอีกครั้ง ย้ำว่าเราต้องการตรวจสอบให้ชัดเจนและถูกต้องมากที่สุด

ส่วนที่ มีกระแสข่าวแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันได้รับการปล่อยตัวแล้วแจ้งให้ญาติทราบหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจน และ 11 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน เราได้ส่งเจ้าหน้าที่พบกับครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการประสานงานอย่างใกล้ชิด ขอให้สบายใจได้ และรอให้ฟังข้อมูลจากทางการจะดีกว่า เพราะข่าวที่ออกมาในโซเชียลฯจริงก็ได้เท็จจริงก็ได้ แต่ขอให้รอสถานเอกอัครทูตเป็นคนแจ้งแถลงมาผ่านกระทรวงต่างประเทศ และกระแรงงานจะแถลงข่าวให้ทราบ

ขณะที่การรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจาก 1 ราย เป็น 2 รายนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานยังไม่รับข้อมูลชัดเจนจากสถานเอกอัครราชทูต และต้องมีข้อมูลหรือภาพถ่ายยืนยันกลับมาก่อน และหากไม่ชัดเจนขอไม่แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังไม่มีการประสานกับกระทรวงต่างประเทศ

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน

ปลัดแรงงาน ยืนยัน พิจารณาเยียวยาแรงงานทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย

 

ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน  เปิดเผยเกี่ยวกับ การติดตามสถานการณ์  การให้ความช่วยเหลือและดูแล แรงงานไทยในอิสราเอล ในภาวะสงคราม โดยระบุว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่น่ากังวลมากนัก ขณะนี้เป็นห่วงผู้ที่ถูกตัว จับไปเป็นตัวประกันและไม่สามารถติดต่อได้

ส่วนจำนวนผู้ที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอลอย่างไม่ถูกต้องตามกฏหมายนั้นคาดว่ามีอยู่ไม่ถึง 2,000-3,000 ซึ่งจำนวนนี้ส่วนใหญ่ตอนแรกเมื่อไปไปถูกต้องตามกฏหมาย แต่เมื่ออยู่ครบสัญญาจ้างไม่ได้เดินทางกลับมาและอยู่ทำงานต่อ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ภาคเหนือและภาคกลาง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและคาดว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆน่าจะไม่เกิน 400 คน

สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มแรงงานเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงแรงงานพยายามแจ้งเตือนว่าเมื่ออยู่ครบสัญญาจ้างแล้วขอให้กลับไทยและทำตามขั้นตอนเพื่อกลับไปไปทำงานใหม่แต่บางคนอาจจะไม่ทราบข้อกฎหมายของอิสราเอลด้วยค่าแรงที่ค่อนข้างสูงอาจเป็นแรงจูงใจ และพึงพอใจในส่วนนี้ โดยคาดว่าบริษัทนายจ้างน่าจะมีการเยียวยาตามกฎหมายของประเทศอิสราเอล

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็จะมีการพิจารณาการเยียวยาเพราะถือว่าเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่ต้องดูแลตามหลักมนุษยชน แต่ต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้ง

ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังกล่าวอีกว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นสิ่งที่อิสราเอลไม่ได้คาดคิดจึงไม่ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนให้ไปอยู่ในหลุมหลบภัย ดังนั้นจะเป็นบทเรียนและประสบการณ์ให้กับแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศที่มีภัยสงคราม รวมถึงนายจ้างในการเตรียมความพร้อมเมื่อ มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น