รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวกับฐานเศรษฐกิจว่า สถานการณ์การสู้รบกันระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ส่งผลรุนแรงวงกว้างมากกว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครนแน่นอน เพราะทั้ง 2 ฝ่ายมีประเทศพันธมิตรที่มีจุดยืนชัดเจน และมีบางรายที่มีท่าทีอาจเข้าร่วมสงครามด้วย
ทั้งนี้จากการประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ แน่นอนว่าราคาน้ำมันโลกจะได้รับผลกระทบ ล่าสุดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) พุ่งขึ้นกว่า 4% ในช่วงเช้าวันนี้ (9 ต.ค. 66) ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2567 ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้น
จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า สินค้าส่งออกของไทยไปอิสราเอล 5 อันดับแรก ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และข้าว ส่วนสินค้านำเข้าของไทยจากอิสราเอล 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ, ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า และผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้
รศ.ดร.อัทธ์ ยืนยัน อุตสาหกรรมในไทยที่ส่งออกสินค้าไปยังอิสราเอล ได้รับผลกระทบแน่นอน และถ้าสถานการณ์บานปลายต่อไป ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงก็จะไปส่งผลกระทบกับธุรกิจโลจิสติก ค่าขนส่งแพงมากขึ้น ก็จะทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเชื่อว่าภายใน 1 สัปดาห์ ประชาชนจะเริ่มรับรู้ได้ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แต่ถ้าสงครามไม่ลากยาว ก็จะกระทบแค่ระยะสั้นเท่านั้น
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ในปี 2565 การค้าไทย-อิสราเอลมีมูลค่ารวม 49,182.10 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.50% โดยไทยส่งออก 29,727.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.16% นำเข้า 19,454.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.73% ขณะที่ช่วง 8 เดือนแรกปี 2566 การค้าไทย-อิสราเอลมีมูลค่ารวม 29,288.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออก 18,562.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.38% นำเข้า 10,725.86 ล้านบาท ลดลง 14.16% ไทยเกินดุลการค้าอิสราเอล 7,836.43 ล้านบาท
สำหรับราคาทองฟิวเจอร์ เช้าวันนี้ (9 ต.ค. 66) พุ่งขึ้นเกือบ 1% ยืนที่เหนือระดับ 1,860 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส นักลงทุนต่างพากันวิตกกังวลเกี่ยวกับการสู้รบครั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและของโลกในภาพรวมจะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น