อิสราเอลกำลังโจมตีต่อเป้าหมายกลุ่มฮามาส กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล เมื่อวันพุธที่ 11 ตุลาคม 2566 อิสราเอลได้จัดตั้งรัฐบาลฉุกเฉินเพื่อปฎิบัติหน้าที่ในภาวะวิกฤติ หลังเหตุโจมตีของกลุ่มฮามาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,200 รายและบาดเจ็บอีกหลายพันคน ขณะเดียวกันองค์การสหประชาชาติ ผู้คนมากกว่า 338,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนในฉนวนกาซา
ด้านกองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอลกำลังรวมตัวกันที่ชายแดนทางใต้ติดกับฉนวนกาซา ซึ่งคาดว่ามีหลายแสนนาย ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท. โจนาธาน คอนริคัส โฆษก IDF กล่าวว่า ทหารกองหนุน 300,000 นาย อยู่ใกล้กับฉนวนกาซา ตัวเลขดังกล่าวรวมถึง ทหารราบ ทหารติดอาวุธ กองทหารปืนใหญ่ และทหารอื่นๆ อีกมากมาย แต่การรุกภาคพื้นดินจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาเหมาะสม
Listen in as an IDF Spokesperson LTC (res.) Jonathan Conricus provides a situational update on all fronts, as the war against Hamas continues. https://t.co/uuen9lQa0F
— Israel Defense Forces (@IDF) October 11, 2023
ข้อมูลจาก CNN รายงานว่า อิสราเอลเรียกทหารกองหนุนในจำนวนประมาณเดียวกันกับจำนวนทหารกองหนุนรวมในกองทัพสหรัฐฯ จำนวนกองกำลังสหรัฐฯ ทั้งหมดในกองหนุน ทั้ง กองทัพอากาศ กองทัพบก นาวิกโยธิน และกองทัพเรือ อยู่ที่ 331,392 นาย ณ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ตามข้อมูลของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ลอยด์ ออสติน ประกาศว่า กำลังส่งเรือรบหลายลำและเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยูเอสเอส เจอรัลด์ อาร์ ฟอร์ด เพื่อเป็นการแสดงกำลังแก่พันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดในภูมิภาค การรักษาอำนาจทางทหารในระดับภูมิภาคของอิสราเอลถือเป็นองค์ประกอบหลักของนโยบายตะวันออกกลางของสหรัฐอเมริกา
ในประเด็นกองทัพอิสราเอลและวิธีการให้ทุนสนับสนุนจึงน่าสนใจไม่น้อย โดยกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) ประกอบด้วย ได้แก่ กองกำลังภาคพื้นดินอิสราเอล กองทัพอากาศอิสราเอล และกองทัพเรืออิสราเอล
ภาพรวมกองทัพอิสราเอล
ข้อมูลจาก The Military Balance 2023 โดย สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ (IISS) ระบุว่า อิสราเอลมีกำลังทหารประจำการ 169,500 นาย แบ่งเป็น
การรับราชการทหารบังคับให้พลเมืองที่มีอายุเกิน 18 ปี ชายและหญิง ต้องเกณฑ์ทหาร ผู้ชายจะต้องรับราชการเป็นเวลา 32 เดือน และผู้หญิงเป็นเวลา 24 เดือน
อิสราเอล ถือว่าเป็นกองทัพที่มีอำนาจมากที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง มีการเฝ้าระวังและอาวุธขั้นสูง ในด้านกองกำลังยุทธศาสตร์ ซึ่งเชื่อกันว่าอิสราเอลมีความสามารถด้านนิวเคลียร์ เนื่องจากมี ขีปนาวุธเจริโค Jericho 2
ข้อมูลจาก missilethreat ระบุว่า เป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง พิสัยทำการสูงสุดประมาณ 1,500 กิโลเมตร และบรรทุกวัตถุระเบิดแรงสูง (HE) ได้ถึง 1,500 กิโลกรัม หรือหัวรบนิวเคลียร์สูงถึง 1 ตัน มีความยาว 15 เมตร กว้าง 1.35 เมตร โดยมีน้ำหนักปล่อยตัวประมาณ 22,000 กิโลกรัม
กำลังภาคพื้นดิน
กำลังทางอากาศ
เครื่องบินรบ 339 ลำ + เครื่องบินขับไล่โจมตีภาคพื้นดิน 309 ลำ
กำลังทางน้ำ
การป้องกันทางอากาศ
การใช้จ่ายกองทัพของอิสราเอล
Aljazeera รายงานโดยอ้างอิงตามข้อมูลของ สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่มุ่งเน้นเรื่องความขัดแย้งและอาวุธยุทโธปกรณ์ ในปี 2022 อิสราเอลใช้เงิน 23.4 พันล้านดอลลาร์ไปกับกองทัพ
มีมูลค่าอยู่ที่ 2,535 ดอลลาร์ต่อหัวในช่วงปี 2018-2022 ถือมีการใช้จ่ายด้านการทหารมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากกาตาร์ 4,564 ดอลลาร์
ในปี 2022 อิสราเอลใช้ 5.09% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ให้กับกองทัพ ซึ่งสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก
ประเทศที่ซื้ออาวุธของอิสราเอลมากที่สุด
ข้อมูล SIPRI ระหว่างปี 2018 ถึง 2022 อย่างน้อย 35 ประเทศนำเข้าอาวุธจากอิสราเอล มูลค่ารวม 3.2 พันล้านดอลลาร์ ประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ คือ การส่งออกทางทหารของอิสราเอลไปยังอินเดีย
ผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่อันดับสองของอิสราเอลคือ อาเซอร์ไบจาน ฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ และเวียดนาม ตามลำดับ
ขณะเดียวกันอิสราเอลนำเข้าอาวุธมูลค่ารวม 2.7 พันล้านดอลลาร์ ได้แก่ สหรัฐฯ และเยอรมนี
อิสราเอลได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก foreignassistance.gov ระหว่างปี 1946 - 2023 ได้รับเงินประมาณ 263 พันล้านดอลลาร์ รองลงมาคือ อียิปต์ที่ 151.9 พันล้านดอลลาร์ อัฟกานิสถาน 147.6 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 77 ปีที่ผ่านมา
ที่มาข้อมูล