ผู้นำของ 21 เขตเศรษฐกิจ สมาชิก กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) มารวมตัวกันที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย.นี้ เพื่อประชุมสุดยอด ซึ่งปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 30 ของ การประชุมสุดยอดเอเปค โดยมีไฮไลท์คือการพบกันที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนักระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและจีน
สมาชิกเอเปคประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน เเคนาดา ชิลี จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีเเเลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
เจ้าภาพสหรัฐกำหนดหัวข้อหลักของการประชุมเอเปคปีนี้เป็นเรื่องการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีสำหรับทุกภาคส่วน ภายใต้ชื่อธีม "Creating a Resilient and Sustainable Future for All"
เป้าหมายมุ่งสร้างความร่วมมือที่เชื่อมต่อประสานกัน มีความนำสมัยด้านนวัตกรรม และคำนึงถึงภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนเสรีภาพ ความยุติธรรม และการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจที่สนับสนุนชาวอเมริกันและธุรกิจของประเทศ
นอกจากนี้ การประชุมเอเปคที่ซานฟรานซิสโกครั้งนี้ สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเจ้าภาพยังต้องการเห็นความคืบหน้าในเรื่องกรอบการค้าที่สหรัฐริเริ่มไว้ ที่เรียกว่า IPEF (Indo-Pacific Economic Framework for Prosperity) ซึ่งมีทั้งหมดสี่เสาหลัก คือ การค้า ห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความโปร่งใสและยุติธรรมทางเศรษฐกิจ
ภายใต้รัฐบาลชุดก่อนของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รัฐบาลอเมริกันถอนตัวออกจากกรอบการค้าเสรี TPP (Trans-Pacific Partnership) ต่อมารัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนจึงได้ริเริ่ม IPEF ขึ้น หากเทียบกับ TPP ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การลดสิ่งที่เป็นอุปสรรคกีดขวางทางการค้า IPEF เป็นกรอบการเจรจาที่มีความจำเพาะเจาะจงมากกว่า
ในการประชุมสุดยอดเอเปคปีนี้ สหรัฐตั้งเป้าหมายให้มีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ 2 ฉบับ ได้แก่
สหรัฐฯ และจีนเห็นว่าเวทีการประชุมนี้ความความสำคัญต่อการเเข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ และทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่การพบกันแบบทวิภาคีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนและประธานาธิบดีจีนสี จิ้นผิง ในวันพุธ (15 พ.ย.) ซึ่งจะเป็นการพบกันแบบซึ่งหน้าครั้งที่สองเท่านั้นตั้งเเต่โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
นายเจค ซัลลิเเวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้นำสหรัฐมีความพยายามให้เกิดความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งช่องทางสื่อสารระหว่างกองทัพของสองประเทศอีกครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการสื่อสาร และการประเมินสถานการณ์ หรือการตัดสินใจพลาด
เป็นที่คาดหมายว่าผู้นำจีนและสหรัฐจะหารือกันเรื่องสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ด้วยเช่น ไต้หวัน การรุกรานยูเครนของรัสเซีย สิทธิมนุษยชน การค้าและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
การเข้าร่วมประชุมของรัสเซียเป็นหัวข้อที่สร้างความเเตกแยกในเอเปค อันเนื่องมาจากที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อปี 2565 ประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียไม่ได้เข้าร่วมประชุมเอเปคที่กรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ และข่าวระบุว่า เขาจะไม่มาปรากฏตัวที่ซานฟรานซิสโกในปีนี้ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพเช่นเดียวกัน
ตามปกติประธานาธิบดีไต้หวันจะไม่เข้าประชุมเอเปค ดังนั้น เมื่อปีที่เเล้ว (2022)ในการประชุมสุดยอดเอเปคที่กรุงเทพฯ ไต้หวันส่งนายมอร์ริส ชาง ผู้ก่อตั้งบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่ TSMC เป็นตัวเเทนผู้นำ และปีนี้ (2023) เขาก็จะเดินทางทำหน้าที่นี้เช่นกันที่ซานฟรานซิสโก
มีการประท้วงเกิดขึ้นที่ซานฟรานซิสโกจากทั้งกลุ่มที่สนับสนุนจีนและที่ต่อต้านรัฐบาลปักกิ่ง ตลอดจนผู้มีต้องการเเสดงความเห็นเรื่องสงครามในตะวันออกกลาง และในยูเครน ซึ่งประเด็นเหล่านี้มีผลสร้างรอยร้าวภายในเอเปคเองด้วย เนื่องจากความเห็นต่างในหัวข้อร้อนเเรง จึงเป็นไปได้สูงว่าแถลงการณ์ร่วมจะมีเนื้อหากลาง ๆ เท่านั้น ส่วนมุมมองที่แหลมคมอาจถูกสะท้อนผ่านเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ของประเทศที่มีความเห็นไปในทางเดียวกัน
หนึ่งในสีสันของการประชุมสุดยอดเอเปคที่มีมานาน คือการแต่งชุดของบรรดาผู้นำในธีมเดียวกันที่สะท้อนวัฒนธรรมของประเทศเจ้าภาพ ซึ่งมักจะปรากฏที่การถ่ายภาพหมู่ผู้นำในวันสุดท้ายของการประชุม
ประเพณีนี้เกิดขึ้นที่การประชุมเมื่อ 30 ปีก่อน ณ เมืองซีเเอตเติลของสหรัฐอเมริกา โดยในครั้งนั้น ประธานาธิบดีบิล คลินตันกำหนดชุดธีมสำหรับบรรดาผู้นำเป็นเสื้อเเจ็คเก็ตแบบนักบินทิ้งระเบิด หรือ (bomber jacket)
อย่างไรก็ตาม ธีมชุดของผู้นำเอเปคมักถูกเก็บเป็นความลับเสมอเพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ ดังนั้นในปีนี้ ยังคงต้องรอดูถึงวันสุดท้ายว่าบรรดาผู้นำจะปรากฏตัวในชุดธีมใด