ใน แถลงการณ์รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เรื่อง ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรง ทางตอนเหนือของ รัฐฉาน เมียนมา ซึ่งเป็นคำแปลอย่างไม่เป็นทางการ ออกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 มีเนื้อหาระบุว่า
เรา ประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในทางตอนเหนือของรัฐฉานของเมียนมา ซึ่งส่งผลให้พลเรือนต้องพลัดถิ่น รวมถึงชาวต่างชาติ และคนชาติประเทศสมาชิกอาเซียน เราเรียกร้องให้คนชาติประเทศสมาชิกอาเซียนที่ติดอยู่ในพื้นที่ขัดแย้งเดินทางกลับอย่างปลอดภัย
เราเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างสูงสุด และยุติความรุนแรงทุกรูปแบบโดยทันที ยึดมั่นในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อให้ความคุ้มครองและความปลอดภัยแก่พลเรือนทุกคน
เราเรียกร้องให้ทางการเมียนมาและฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน และให้เปิดช่องทางที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็วเพื่อสามารถอพยพชาวต่างชาติที่ตกค้าง เรายังรับทราบความพยายามของทางการเมียนมาจนถึงปัจจุบันในการอพยพคนชาติเหล่านี้และพลเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนออกจากพื้นที่ความขัดแย้ง และให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัยโดยการประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตที่เกี่ยวข้องในเมียนมา
เราเน้นย้ำพันธกรณีของเราที่จะช่วยเหลือเมียนมาในการแสวงหาแนวทางแก้ไขวิกฤติปัจจุบันอย่างสันติและยั่งยืน ผ่านการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้ออย่างเต็มที่และรวดเร็ว เพื่อสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาค เรายังเน้นย้ำว่า เมียนมาที่มีสันติภาพและเป็นปึกแผ่นเป็นผลประโยชน์ของอาเซียน
ทั้งนี้ การปะทะกันระหว่างชนกลุ่มน้อยและกองทัพรัฐบาลทหารเมียนมา ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคมได้ขยายวงไปทั่วรัฐฉานทางตอนเหนือของเมียนมา จนเข้าใกล้ชายแดนของจีนแล้ว โดยล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ (26 พ.ย.) สื่อท้องถิ่นและแหล่งข่าวด้านความมั่นคง รายงานว่า กองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยในเมียนมาได้เข้ายึดจุดผ่านแดนระหว่างเมียนมาและจีนจากรัฐบาลทหารไว้แล้ว นอกจากนี้ พันธมิตรกองทัพของชนกลุ่มน้อย 3 กลุ่มยังประสบความสำเร็จในการยึดจุดที่ตั้งทางทหารนับสิบจุดจากกองทัพเมียนมาไว้ได้ และสามารถเข้าควบคุมพื้นที่เมืองแห่งหนึ่งซึ่งมีความสำคัญด้านการค้ากับจีนจนส่งผลให้เส้นทางเชิงพาณิชย์ที่เป็นแหล่งทำเงินให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ต้องหยุดชะงักในทันที
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างอิงสื่อท้องถิ่น “โกก้าง” (Ko Kang) ที่มีความใกล้ชิดกับกองกำลังแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (Myanmar National Democratic Alliance Army - MNDAA) หนึ่งใน 3 สมาชิกพันธมิตรกองกำลังดังกล่าว ว่า MNDAA ได้เข้ายึดพื้นที่จุดผ่านแดน จิน แซน จ็อท (Kyin San Kyawt) ไว้ได้แล้วด้วยและได้ชักธงของตนขึ้นที่บริเวณเขตการค้าชายแดนที่ จิน ซาน จ็อท
นอกจากนี้ พันธมิตรกองกำลังชนกลุ่มน้อยซึ่งรวมถึงกองทัพอาระกัน (Arakan Army - AA) และกองกำลังปลดปล่อยอิสรภาพแห่งชาติต๊ะอาง (Ta’ang National Liberation Army - TNLA) ยังสามารถเข้ายึดพื้นที่การค้าชายแดนอื่น ๆ ไว้ได้ หลังยกระดับการโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.)
โฆษกรัฐบาลทหาร (รัฐบาลกลางเมียนมา) ประกาศออกสื่อของรัฐว่า มีรถบรรทุกราว 120 คันที่จอดอยู่ที่บริเวณจุดข้ามแดนถูกจุดไฟเผา เขากล่าวโทษว่า นี่เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยเหล่านี้
จากสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมาดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้ทางการเมียนมาประกาศกฎอัยการศึกในบางพื้นที่นั้น ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (27 พ.ย. 2566) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้งได้แจ้งข้อแนะนำในการเดินทางสำหรับคนไทยที่อาศัยหรือท่องเที่ยวในเมียนมา
สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เน้นย้ำถึงประกาศห้ามคนต่างชาติซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังเมืองล่าเซี่ยวและท่าขี้เหล็ก เมียนมา ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 โดยผู้ฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกหรือ/และปรับ ตามดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่เมียนมา ที่ผ่านมาพบว่ามีคนต่างชาติได้ทำการฝ่าฝืนเพื่อซื้อตั๋วในการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวและได้รับพิจารณาโทษแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้แนะนำให้คนไทยเลี่ยงการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ที่ทางการเมียนมาประกาศกฎอัยการศึก โดยเฉพาะรัฐฉาน
สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองอื่น ๆ ในเมียนมา เช่น กรุงย่างกุ้ง เมืองมัณฑะเลย์ เมืองพุกาม เป็นต้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอให้ผู้เดินทาง ติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถืออย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ก่อนออกเดินทาง
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ขอความร่วมมือให้คนไทยที่พำนักหรือเดินทางท่องเที่ยวในเมียนมา ลงทะเบียนการพำนักในเมียนมากับสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อติดต่อและรับข้อมูลในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินได้ 3 ช่องทาง ได้แก่
"รัฐบาลขอให้คนไทยที่พำนักหรือเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในเมียนมาทุกท่านปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย และขอให้ทุกท่านแจ้งข้อมูลการพำนักหรือเดินทางท่องเที่ยวในเมียนมาให้กับสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อที่ทางสถานเอกอัครราชทูตฯ สามารถติดต่อและส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ท่านได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน" นายชัย โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว