สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างอิงข้อมูลจากนิตยสารด้านบันเทิง Pollstar ว่า คอนเสิร์ต Eras Tour ของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ศิลปินสาวชาวอเมริกันวัย 33 ปี ขึ้นแท่นเป็น คอนเสิร์ตแรกของโลกที่ทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Eras Tour ไม่เพียงทำสถิติเป็นคอนเสิร์ตอันดับ 1 ของโลกในแง่รายได้ แต่เทย์เลอร์ สวิฟต์ เองยังโกยรายได้ 1,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 37,000 ล้านบาท จากค่าตั๋ว 4.35 ล้านใบสำหรับคอนเสิร์ต 60 วัน
Pollstar ใช้ข้อมูลจากการจำหน่ายตั๋ว ความจุของสถานที่จัดคอนเสิร์ต ข้อมูลราคาตั๋วที่มีในอดีต และการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ที่รวบรวมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2022 ถึง 15 พฤศจิกายน 2023 ในการรายงานข่าวดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของนิตยสาร Pollstar ยังไม่ได้ให้ความกระจ่างว่า มีการปรับข้อมูลของคอนเสิร์ตให้สอดรับกับภาวะเงินเฟ้อในปี 2023 ก่อนที่จะประกาศว่าคอนเสิร์ต Eras Tour ขึ้นแท่นคอนเสิร์ตพันล้านดอลลาร์หรือไม่
นอกจากรายได้จากคอนเสิร์ตแล้ว Pollstar ยังพบว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ กวาดรายได้ 200 ล้านดอลลาร์จากยอดขายสินค้าที่เกี่ยวข้องและรายได้จากภาพยนตร์แนวคอนเสิร์ต “Taylor Swift: The Eras Tour” ที่มีรายงานว่าทำรายได้ราว 250 ล้านดอลลาร์ในด้านยอดขายตั๋วเข้าชมจากทั่วโลก ซึ่งถือเป็น “ภาพยนตร์แนวคอนเสิร์ต” ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกเช่นกัน
จากการประเมินของ Pollstar คาดการณ์ว่า ปีหน้า (2024) จะเป็นอีกปีทองสำหรับเทย์เลอร์ สวิฟต์เช่นกัน จากการคาดการณ์ว่า คอนเสิร์ต Eras Tour ยังจะทำรายได้เพิ่มให้เธออีก 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า ในช่วงสองปีนี้ สวิฟต์จะทำรายได้จากคอนเสิร์ตดังกล่าวมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
เอพีรายงานว่า ทัวร์คอนเสิร์ต Eras Tour ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ในแง่รายได้ทั่วโลก ขณะที่คอนเสิร์ตของ “ควีนบี” หรือ บียอนเซ ตามมาในอันดับ 2 และคอนเสิร์ตของบรูซ สปริงทีน ศิลปินหนุ่มใหญ่ขาร๊อค มาเป็นอันดับ 3 ขณะที่คอนเสิร์ตของวงโคลด์เพลย์อยู่ในอันดับ 4 และคอนเสิร์ตของแฮร์รี สไตล์ส อยู่ในอันดับ 5 ตามลำดับ
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เพิ่งได้รับการประกาศยกย่องจากนิตยสารไทม์ ให้เป็น “บุคคลแห่งปี 2023” ขณะที่เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา แอปเปิลมิวสิค ก็เพิ่งมอบรางวัล “ศิลปินแห่งปี” ให้เธอ นอกจากนี้ สปอติฟาย ก็เพิ่งยกย่องให้เธอเป็น “ศิลปินที่มียอดสตรีมมากที่สุดในโลก” เอาชนะแบด บันนี ศิลปินหนุ่มที่ยึดครองตำแหน่งดังกล่าวในสปอติฟายมาร่วม 3 ปีไปได้ จึงนับว่าปีนี้เป็นปีทองของเทย์เลอร์ สวิฟต์ อย่างแท้จริง