รมว.พาณิชย์สหรัฐ นำคณะสภาผู้ส่งออกฯ เยือนไทย มุ่งขยายโอกาสการค้า-การลงทุน

13 มี.ค. 2567 | 09:21 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มี.ค. 2567 | 09:50 น.

พาณิชย์สหรัฐ นำคณะสภาผู้ส่งออกฯ เข้าพบหารือรองนายกฯ “ปานปรีย์” ที่กระทรวงการต่างประเทศ 14 มี.ค.นี้ พร้อมร่วมประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) กับอีก 12 ประเทศผ่านระบบประชุมทางไกล เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ขยายโอกาสการค้า-การลงทุน

 

กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่14 มี.ค. 2567 นี้ นางจีนา เรมอนโด (Gina M. Raimondo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ และ คณะสภาผู้ส่งออกแห่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือ President's Export Council มีกำหนดเข้าพบหารือ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันถึงนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญของรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งแนวทางที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนในด้านเศรษฐกิจและการขยายการค้าและการลงทุนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของไทย และเป็นประเทศผู้ลงทุนรายใหญ่อันดับ 3 ในประเทศไทยอีกด้วย

สำหรับคณะสภาผู้ส่งออกแห่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (President's Export Council) ที่ร่วมเดินทางมากับรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐในครั้งนี้ เป็นผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชนและองค์กรชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดี ในการให้ข้อเสนอแนะทางนโยบาย และโครงการที่เกี่ยวข้องกับการค้าการลงทุน โดยทางคณะมีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 12-15 มี.ค. 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนภูมิภาคเอเชีย

นางจีนา เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ นำคณะเยือนไทย 12-15 มีนาคม 2567

ในโอกาสการเยือนกระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้ นางเรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ ร่วมกับนายปานปรีย์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก หรือ IPEF ในวันที่ 14 มี.ค. ด้วย โดยรัฐมนตรีจากประเทศหุ้นส่วน IPEF อีก 12 ประเทศจะเข้าร่วมประชุมผ่านระบบทางไกล ซึ่งจะเป็นโอกาสในการหารือถึงพัฒนาการความร่วมมือภายใต้ IPEF ที่ผ่านมา และแผนการดำเนินการในระยะต่อไปด้วย 

การเยือนไทยของนางเรมอนโดและคณะในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการสานต่อการหารือจากที่นายปานปรีย์ได้เดินทางเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (10-12 ก.พ. 2567) โดยจะเป็นการส่งเสริมโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยที่จะตอบโจทย์ด้านการพัฒนาของไทยและยุทธศาสตร์ Thailand Vision 2030 อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยในระยะยาวด้วย

ในปี 2566 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 2 ของไทย มีมูลค่าการค้าทวิภาคีรวม 68,358.31 ล้านดอลลาร์ โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออกสินค้าจากไทยไปยังสหรัฐฯ 48,864.54 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ การจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี IPEF ยังถือเป็นการแสดงบทบาทนำอย่างสร้างสรรค์ของไทยในระดับภูมิภาคเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ยกระดับมาตรฐานทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยง ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือเพื่อรับมือกับความท้าทายนานัปการ อาทิ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมและยั่งยืนสำหรับประเทศไทยและภูมิภาคด้วย