นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะนักธุรกิจไทย เดินทางเยือน ประเทศคาซัคสถาน ระหว่างวันที่ 21-25 กุมภาพันธ์ศกนี้ เพื่อประชุมร่วมกับรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศคาซัคสถาน ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการลงทุนระหว่างประเทศ โดยภายหลังหารือ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กับ QazTrade ซึ่งเทียบเท่าสภาหอการค้าคาซัคสถาน อันจะเป็นส่วนสำคัญในการขยายและเพิ่มพูนกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศด้วย
ทั้งนี้ คาซัคสถาน เป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในแถบเอเชียกลางและเป็นตลาดใหม่ มีประชากร 20 ล้านคน มีรายได้ต่อหัวสูงมาก มีทรัพยากรธรรมชาติ น้ำมันสำรอง และแร่ธาตุมากมาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับประเทศในแถบนี้ และล่าสุด มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2567 ได้เห็นชอบขยายเวลามาตรการ ฟรีวีซ่า (ยกเว้นการตรวจลงตรา) ให้กับคาซัคสถานต่อไปอีก 6 เดือน ( 1 มีนาคม – 31 สิงหาคม 2567)
โดยในปีที่ผ่านมา (2566) มียอดนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว 172,282 คน และปีนี้ ตั้งเป้าให้มีนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถานเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 คน ซึ่งนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน มาเยือนไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถพำนักได้ถึง 30 วัน
สถิติชี้ว่า นักท่องเที่ยวคาซัคสถาน มีความสนใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต ในช่วงที่ประเทศคาซัคสถานมีอุณหภูมิติดลบถึง 30 องศาเซลเซียส ซึ่งรัฐบาลยังมีแนวคิดจะขยายตลาดไปในประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ด้วย อาทิ อุซเบกิสถาน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า การเยือนคาซัคสถานครั้งนี้ รมช.และคณะ มีภารกิจต่างๆ ดังนี้
ในช่วงค่ำวันที่ 22 ก.พ.2567 ที่กรุงอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน นายจักรพงษ์ยังได้เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Networking Dinner) เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างภาคธุรกิจของไทยและคาซัคสถานให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยมีผู้บริหารและผู้แทนองค์กรภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องของฝ่ายคาซัคสถาน และคณะนักธุรกิจไทยเข้าร่วม ซึ่งผู้แทนภาคเอกชนไทยที่ร่วมคณะเดินทางไปกับรมช.กต.ครั้งนี้ มาจากหลากหลายภาคส่วน ประกอบด้วย
“การเดินทางในครั้งนี้ ได้พาภาคธุรกิจกลุ่มโรงพยาบาลมาด้วย เพื่อเชิญชวนให้มาใช้บริการด้านการแพทย์และ Wellness ที่ประเทศไทยมีความชำนาญ นอกจากนี้ คาซัคสถานยังมีความชื่นชอบผลไม้ไทย ขณะเดียวกันก็มีแร่ธาตุ เหมืองแร่ และน้ำมันที่พร้อมจะเชิญชวนให้ไทยมาลงทุน” นายจักรพงษ์กล่าว และยังระบุว่า ฝ่ายคาซัคสถานแสดงความต้องการ อยากส่งออกเนื้อสัตว์มายังประเทศไทย ซึ่งไทยจะได้พิจารณาดำเนินการต่อไป
รมช.กต.ยังกล่าวด้วยว่า ในการหารือเต็มคณะวานนี้ (22 ก.พ.) ทั้งสองฝ่ายได้เห็นถึงความตั้งใจและอยากลงทุนระหว่างกัน เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการจะเปิดตลาดใหม่ เพื่อดึงการลงทุนให้ประเทศไทย ขณะเดียวกัน รัฐบาลเตรียมให้ทำการบินเพิ่ม จากคาซัคสถานบินตรงไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และภูเก็ต 40 เที่ยวต่อสัปดาห์ ซึ่ง บมจ.การบินไทย (THAI) ให้ความสนใจอยากเปิดให้บริการด้วย