รัฐบาลเวียดนาม แถลงในวันนี้ (21 มี.ค.) ว่า พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้ยอมรับ การลาออก จากตำแหน่งของ นายหวอ วัน เถือง ประธานาธิบดีเวียดนาม หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งเพียง 1 ปี
นักวิเคราะห์ระบุว่า ภาวะวุ่นวายทางการเมืองของเวียดนาม อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะต่อการลาออกจากตำแหน่งของประธานาธิบดี 2 คนล่าสุด ซึ่งต่างก็เข้ารับตำแหน่งในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น โดยนายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีคนก่อนหน้านี้ ดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึง 2 ปี ขณะที่นายหวอ วัน เถือง ดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 ปี
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นโฮจิมินห์ดิ่งลงเกือบ 3% ในช่วงแรกของการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 มี.ค.) หลังมีข่าวลือเกี่ยวกับการลาออกของนายเถือง
นายฟลอเรียน เฟเยราเบนด์ เจ้าหน้าที่ประจำเวียดนามของมูลนิธิคอนราด อาเดอเนาเออร์ (Konrad Adenauer Foundation) ซึ่งเป็นสำนักวิจัยของเยอรมนี กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ทำให้เกิดความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถในการคาดการณ์ และความน่าเชื่อถือ ซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจด้านธุรกิจ
เมื่อเร็วๆนี้ ดัชนีโอกาสด้านการลงทุนระดับโลก (Global Opportunity Index) หรือ GOI ประจำปี 2024 ซึ่งจัดทำโดยสถาบันมิลเคน (Milken Institute) ในสหรัฐอเมริกา เผยว่า เวียดนาม เป็นประเทศที่มีความน่าลงทุนเป็นอันดับ 5 ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย (รองจากมาเลเซีย ไทย จีน และอินโดนีเซีย ตามลำดับ) และน่าลงทุนเป็นอันดับ 65 ของโลก
แถลงการณ์ของรัฐบาลระบุว่า นายเถืองได้ละเมิดกฎระเบียบของพรรค ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้กระทบต่อความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อพรรค และกระทบต่อชื่อเสียงของพรรค ของรัฐ และต่อตัวของนายเถืองเอง
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการละเมิดกฎระเบียบของนายเถือง แต่ที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้นำประเทศของเวียดนามมักมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชัน ซึ่งอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดคู่แข่งทางการเมือง
คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ได้อนุมัติการลาออกของนายเถือง หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งเพียง 1 ปี การลาออกของนายเถืองมีขึ้น ก่อนที่รัฐสภาเวียดนามมีกำหนดจัดการประชุมสมัยวิสามัญในวันนี้ (21 มี.ค.) ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะมีมติเห็นชอบการตัดสินใจของพรรคคอมมิวนิสต์ในการอนุมัติการลาออกของนายเถือง
ข่าวระบุว่า หวอ วัน เถือง วัย 53 ปี ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีเวียดนามในเดือนมี.ค.2566 และถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับนายเหงียน ฟู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ และเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเวียดนาม ถึงแม้ตำแหน่งประธานาธิบดีเวียดนามจะมีบทบาทเพียงแค่ด้านพิธีการเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในสี่ตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของประเทศ