กระทรวงเศรษฐกิจและการปฏิบัติการทางสภาพภูมิอากาศเยอรมนี (BMWK) คาดการณ์ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ของ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในปี 2567 เอาไว้ว่า ปีนี้ เศรษฐกิจเยอรมนี จะขยายตัวร้อยละ 1.3 แม้จะคาดการณ์ว่า ในไตรมาสที่ 1/2567 เศรษฐกิจเยอรมนีอาจมีแนวโน้มชะลอตัวจากวิกฤตทางภูมิรัฐศาสตร์และดัชนีราคาผู้บริโภคที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขคาดการณ์ของหน่วยงานสําคัญๆ และองค์กรระหว่างประเทศ เกี่ยวกับเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 2567 ดังนี้
สำหรับปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีนั้น ได้แก่
ขณะเดียวกันนโยบายด้านการคลังของเยอรมนี ทั้งการยกเลิกการดําเนินนโยบายการคลังแบบสมดุลและการสนับสนุนทางการเงินผ่านกองทุนพิเศษต่าง ๆ รวมถึงกองทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก็ถือว่าจะเป็นส่วนสําคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี ด้วยเช่นกัน
แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงอาจสร้างแรงกดดันต่อการลงทุนในที่อยู่อาศัยและการส่งออก สินค้าเพื่อการลงทุน (investment goods) แต่การลงทุนที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากแรงหนุนของการลดต้นทุน ทางธุรกิจและการย้ายฐานการผลิต การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการขยายตัวของการใช้พลังงานหมุนเวียน ในขณะที่การส่งออก จะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ จากความต้องการของตลาดโลกที่แข็งแกร่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเยอรมนี จะยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเข้มงวดของนโยบายการคลัง อาจเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการบริโภคของภาคเอกชน
ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อ และรายได้ของประชากรที่สูงขึ้น ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอาจช่วยบรรเทาปัจจัยด้านลบในปี 2567 และผลักดันให้เศรษฐกิจภายในเยอรมนีมีการฟื้นตัวได้
เยอรมนียังคงมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ตลอดจนลดการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบริษัทเยอรมนีเข้ามาลงทุน/ตั้งฐานการผลิตเป็นเวลายาวนาน
อย่างไรก็ตาม ไทยจําเป็นต้องพัฒนาศักยภาพและปรับตัวให้เข้ากับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไปและตอบโจทย์ค่านิยม (Value) ของบริษัทเยอรมนีในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม/ความยั่งยืน รวมถึงการปรับตัวเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ทั้งดิจิทัล นวัตกรรม พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นสิ่งที่เยอรมนี ให้ความสนใจในขณะนี้
นอกจากนั้น บริษัทเยอรมนีขนาดใหญ่หลายบริษัทได้ปรับพอร์ตธุรกิจหันมามุ่งความสนใจในสาขาเหล่านี้มากกว่าการสนใจอุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิม ขณะเดียวกันในการลดต้นทุนการผลิต บริษัทเยอรมนีส่วนหนึ่งจึงกําลังมองหาฐานการผลิตใหม่ ซึ่งหากไทยสามารถพัฒนา incentive package ที่ชัดเจนอาจจะสามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ไทยควรพิจารณานโยบายส่งเสริมการลงทุนของคู่แข่งนอกภูมิภาคเอเชียด้วย ทั้งสหราชอาณาจักร และภายในสหภาพยุโรป (EU) เอง เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนเยอรมนีจํานวนหนึ่งเห็นโอกาสในการขยาย/ย้ายฐานการลงทุนไปยังสหราชอาณาจักร เนื่องจาก Inflation Reduction Act ที่ให้สิทธิประโยชน์ที่น่าดึงดูดกว่า หรือลงทุนภายใน EU เอง เนื่องจาก EU มีการสนับสนุนสิทธิประโยชน์ให้แก่บางภาคอุตสาหกรรม อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในซัพพลายเชน (supply chain disruption) จากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์
อีกประเด็นคือ ไทยค่อนข้างมีปัจจัยบวกด้านความสะดวกในการทำธุรกิจ (Ease of doing business) ที่มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากการเจรจาทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับ EU ประสบผลสําเร็จ FTA ก็จะเป็นอีกปัจจัยสําคัญที่ช่วยดึงดูดความสนใจ
คอลัมน์ ชี้ช่องจากทีมทูต เป็นความร่วมมือระหว่างฐานเศรษฐกิจ กับศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ globthailand.com กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ / ข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน