สื่อต่างประเทศรายงาน สถานการณ์การสู้รบ ระหว่าง กองทัพอิสราเอล และกลุ่มปาเลสไตน์ติดอาวุธ ฮามาส ในเขต ฉนวนกาซา ซึ่งล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (13 พ.ค.) ได้เกิดการสู้รบที่ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองจาบาลิยาทางภาคเหนือของกาซา หลังจากที่กองทัพอิสราเอลส่งกำลังทหารกลับเข้าไปที่บริเวณนั้นอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มฮามาสใช้เมืองดังกล่าวเป็นฐานที่มั่นในการฟื้นฟูกองกำลัง
ขณะเดียวกัน มีรายงานฝ่ายอิสราเอลบุกโจมตีอย่างหนักทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินที่เมืองราฟาห์ซึ่งมีพรมแดนติดกับอียิปต์ และมีประชาชนชาวปาเลสไตน์ที่หนีภัยสงครามจากทางตอนเหนือของฉนวนกาซา อพยพเข้ามาพำนักพักพิงอยู่เป็นจำนวนมาก
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริการายงานเมื่อวันอาทิตย์ (12 พ.ค.)ว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ระบุถึงจุดยืนของสหรัฐเรื่องการใช้ปฏิบัติการทหารภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ โดยนายบลิงเคนยืนยันถึง "เป้าหมายร่วมกัน” ของสหรัฐและอิสราเอลในการปราบปรามกลุ่มฮามาส แต่ก็ย้ำความจำเป็นในการปกป้องประชาชน รวมทั้งขอให้อิสราเอลช่วยแก้ปัญหาเรื่องการแจกจ่ายความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนในเขตกาซาด้วย
กองทัพอิสราเอลได้ออกประกาศให้ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไต์ราว 300,000 คนในเมืองราฟาห์ อพยพรอบใหม่ไปยังภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองราฟาห์ซึ่งเป็นพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนที่อิสราเอลจะส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในเมืองดังกล่าวเพื่อปราบปรามกลุ่มฮามาสแบบขุดรากถอนโคน
นายโวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า การต่อสู้ที่ดำเนินอยู่ในเมืองราฟาห์และคำสั่งให้อพยพรอบใหม่นั้น ทำให้เกิดการย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่อีกครั้งของประชาชนที่บอบช้ำอย่างสาหัสจากสงครามอยู่แล้ว ข้าหลวงใหญ่ของยูเอ็นยืนยันว่า "ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้วในกาซา"
นอกจากนี้ ยังมีรายงานล่าสุดว่าการโจมตีเมืองราฟาห์เมื่อวันจันทร์ (13 พ.ค.) ทำให้เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ทำให้นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น ต้องออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีของอิสราเอล และสั่งสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด
นายบลิงเคนกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “Meet the Press” ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีเมื่อวันอาทิตย์ (12 พ.ค.)ว่า อิสราเอลยังคงไม่มีแผนชัดเจนในการปกป้องชาวปาเลสไตน์ในเมืองราฟาห์ ไม่ต้องกล่าวถึงการจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่คนเหล่านั้น นอกจากนี้ อิสราเอลยังไม่มีแผนใด ๆ เกี่ยวกับอนาคตของกาซาหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลงด้วย
“แม้กองทัพอิสราเอลบุกเข้าไปในราฟาห์จริง ก็ยังจะมีสมาชิกกลุ่มฮามาสอีกหลายพันคนที่หลงเหลืออยู่ เราเห็นมาแล้วว่าพื้นที่ทางเหนือที่อิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินจัดการไปแล้วนั้น กลุ่มฮามาสจะกลับมาอีกในภายหลัง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเมืองคานยูนิส ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์จึงไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าว
ทั้งนี้ กระบวนการเจรจาเพื่อจัดทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกันยังคงไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยืนยันว่าจะไม่ยุติสงคราม จนกว่าจะสามารถถอนรากถอนโคนกลุ่มฮามาสทั้งหมดในเมืองราฟาห์
นายบลิงเคนกล่าวว่า หนทางที่รวดเร็วที่สุดที่จะยุติสงครามครั้งนี้ คือกลุ่มฮามาสต้องยอมปล่อยตัวประกันทั้งหมด จากนั้นจึงจะสามารถจัดทำข้อตกลงหยุดยิงที่สามารถต่อยอดไปถึงสันติภาพที่ยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาวได้
วิธีการดังกล่าวนี้ยังเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะสามารถส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังฉนวนกาซาได้มากขึ้น และปกป้องประชาชนในกาซาได้ดีขึ้นด้วย
ด้านกองพลน้อยอัล-กัสซัมของกลุ่มฮามาสประกาศล่าสุดเมื่อวันเสาร์ (11 พ.ค.) ว่า ตัวประกันชาวอิสราเอลเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย หลังจากที่อิสราเอลเริ่มเปิดฉากปฏิบัติการทางอากาศโจมตีฉนวนกาซาเมื่อเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มฮามาสระบุในแถลงการณ์ว่า นายนาดาฟ บอบลาบิล วัย 51 ปี หนึ่งในตัวประกัน ได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ หลังจากเครื่องบินรบอิสราเอลโจมตีสถานที่ควบคุมตัวของเขาในฉนวนกาซา
แถลงการณ์ของกลุ่มฮามาสยังระบุด้วยว่า การเสียชีวิตของนายบอบลาบิล เป็นผลมาจากอาการที่ทรุดลง อันเนื่องมาจากโรงพยาบาลในฉนวนกาซาถูกอิสราเอลถล่มทำลาย จึงไม่สามารถดำเนินการรักษาใดๆ ได้
ทั้งนี้ การประกาศการเสียชีวิตของนายบอบลาบิล นับเป็นการเสียชีวิตของตัวประกันรายที่ 2 ในรอบสัปดาห์ โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค. กองพลน้อยอัล-กัสซัม ได้รายงานการเสียชีวิตของตัวประกันชาวอิสราเอลอีกรายในฉนวนกาซา โดยอ้างว่าเขาเสียชีวิตเพราะไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์ เนื่องจากโรงพยาบาลในพื้นที่ถูกทำลายจากการโจมตีของอิสราเอล