นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่กำลังจะลงจากตำแหน่งในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับโครงการมูลค่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อย้ายเมืองหลวงของอินโดนีเซียไปยังเมืองนูซันตารา (Nusantara) บนเกาะบอร์เนียว ตัดสินใจลาออก ทำให้ผู้นำอินโดนีเซียต้องเร่งเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับบรรดานักลงทุนและข้าราชการ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายวิโดโดประกาศยืนยันว่า ในเดือนก.ค.นี้ เขาจะย้ายไปทำงานที่ทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองหลวงใหม่นูซันตารา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงปัจจุบัน ไปราว 1,200 กิโลเมตร
คำประกาศดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับแผนย้ายเมืองหลวงแห่งใหม่นี้ ตัดสินใจลาออกโดยไม่มีคำอธิบายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนสร้างบรรยากาศความไม่แน่นอนต่ออนาคตของอภิมหาโครงการบนเกาะบอร์เนียวโครงการนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงการให้สัมภาษณ์ของนายยานัวร์ นูโกรโฮ อดีตหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของประธานาธิบดีว่า ท่าทีของนายวิโดโดในขณะนี้ก็คือ เขาพยายามควบคุมความเสียหายที่เกิดขึ้น และคิดว่า ความมั่นใจของนักลงทุนลดลง เนื่องจากความไม่แน่นอนเรื่องสถานะที่ดิน ซึ่งเกิดจากปัญหาการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใสของโครงการเมืองหลวงใหม่แห่งนี้
ข่าวระบุว่า “นูซันตารา” เป็นทำเลของโครงการย้ายเมืองหลวงจากนครจาการ์ตาที่นายวิโดโดเป็นผู้ประกาศเดินหน้า ด้วยเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ การจราจรที่ติดขัด และประชากรที่หนาแน่น ในกรุงจาการ์ตา โดยคาดหวังว่า นูซันตาราจะเป็นเมืองหลวงใหม่ที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแหล่งทุนใหญ่ๆจากต่างชาติเข้ามาลงทุน
ไม่เพียงเท่านั้น ตัวโครงการเองก็ยังเผชิญกับปัญหาหลายประการ อาทิ
หลังจากที่สองเจ้าหน้าที่ระดับสูงประกาศลาออกไปได้เพียงหนึ่งวัน ปธน.วิโดโดก็เดินทางไปยังเมืองนูซันตารา เพื่อลงพื้นที่เยี่ยมโรงเรียนและสำนักงานต่าง ๆ พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า กำลังจะมีการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในพื้นที่
ด้านโฆษกของประธานาธิบดีได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับอนาคตของโครงการนี้ โดยอ้างอิงคำพูดของนายวิโดโดที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้าว่า โครงการจะยังดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ เขาเป็นประธานาธิบดีที่กำลังจะครบวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองในเดือนตุลาคม 2567 นี้แล้ว หลังจากนั้นก็จะส่งมอบอำนาจให้กับนายปราโบโว ซูเบียนโต ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แหล่งข่าวนักการเมืองรายหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ปราโบโวยังไม่ได้หารืออะไรกับทีมงานของเขาเกี่ยวกับโครงการเมืองหลวงใหม่ แต่คิดว่าโครงการนี้ อย่างไรก็คงจะเดินหน้าต่อไป เพียงแต่อาจจะไม่รวดเร็วเท่ากับรัฐบาลของปธน.วิโดโด
นักการเมืองระดับสูงอีกราย กล่าวกับรอยเตอร์ว่า แนวร่วมของนายปราโบโวยังมีข้อสงสัยกันเป็นการส่วนตัวว่า อินโดนีเซียจะมีงบประมาณมากพอที่จะย้ายเมืองหลวงไปพร้อม ๆ กับการผลักดันนโยบายหลักที่มีการหาเสียงไว้ อย่างเช่นโครงการมื้ออาหารฟรี มูลค่ารวม 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 เป็นต้นไป ข้าราชการหลายพันคนจะถูกโยกย้ายไปทำงานที่เมืองนูซันตารา แต่จากการพูดคุยกับข้าราชการสิบกว่าคน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่บอกกับรอยเตอร์ว่า ต้องการเดินทางไปทำงานที่เมืองหลวงใหม่ตามแผนดังกล่าว ส่วนที่เหลือกล่าวว่า ตั้งใจจะขอทำเรื่องโยกย้ายไปในภายหลัง หรือไม่ก็จะขอยื่นลาออกจากราชการ
“การไปอยู่ที่เมืองหลวงใหม่ ไม่ใช่ตัวเลือก แต่เป็นการเซ่นสังเวย เนื่องจากที่นั่นไม่มีโครงสร้างอะไรรองรับเลย” ข้าราชการจากกระทรวงการสื่อสารรายหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์
อย่างไรก็ตาม ด้านนายดานิส ซูมาดิลากา หัวหน้าฝ่ายงานโครงสร้างพื้นฐานของเมืองนูซันตารา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่ย้ายมาใหม่จะสามารถเข้าถึงความต้องการพื้นฐาน ทั้งอพาร์ทเมนท์ น้ำ ไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ต
ด้านผู้บริหารหอการค้าอังกฤษในอินโดนีเซีย หรือ BritCham Indonesia กล่าวว่า ทุนจากต่างชาติที่ยังลังเลไม่เข้ามานั้น มีเหตุผลจากการรอดูผลการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ และประเมินความเสี่ยงในด้านอื่น ๆ แต่ถึงตอนนี้ก็เริ่มเห็นว่า มีความสนใจกันขึ้นมาแล้ว โดยเป็นการลงทุนในด้านเมืองอัจฉริยะ การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และอื่น ๆ