(30 ก.ย. 2567) เนปาลกำลังเผชิญกับความเสียหายอย่างหนักหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่มครั้งใหญ่ที่เกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลาสองวัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 192 ราย และสูญหายอีก 32 ราย ตามรายงานล่าสุด เหตุการณ์ครั้งนี้มีสาเหตุมาจากระบบความกดอากาศต่ำในอ่าวเบงกอลและพื้นที่ติดกับอินเดีย
หุบเขากาฐมาณฑุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงและเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรกว่า 4 ล้านคน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิตถึง 56 ราย นับเป็นหนึ่งในภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี แม่น้ำหลายสายไหลล้นตลิ่ง ส่งผลให้บ้านเรือน โรงพยาบาล ถนน สะพาน และตลาดจมอยู่ใต้น้ำ
รัฐบาลเนปาลกำลังเร่งประเมินความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูประเทศ ในขณะที่ประชาชนกำลังเผชิญกับการทำความสะอาดบ้านเรือนและขนย้ายสิ่งของที่เสียหายออกจากโคลนที่สะสม
ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานและการวางผังเมืองชี้ว่าการก่อสร้างแบบไร้ระเบียบและการขยายตัวของเมืองโดยขาดการวางแผนที่ดีเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความเสียหายครั้งนี้รุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบุกรุกพื้นที่ริมแม่น้ำเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยโดยไม่คำนึงถึงหลักวิศวกรรมและการวางแผนขั้นพื้นฐาน
นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศยังเน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความรุนแรงของภัยพิบัติครั้งนี้ ด้านนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศจากศูนย์นานาชาติเพื่อการพัฒนาภูเขาแบบบูรณาการ (ICIMOD) กล่าวว่า ปัจจัยจากความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกับการวางผังเมืองและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เหมาะสมทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเนปาลเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศด้วย โดยพื้นที่ทางตอนเหนือของบังกลาเทศมีประชาชนกว่า 100,000 คนติดอยู่ท่ามกลางน้ำท่วม ซึ่งเกิดจากฝนตกหนักและน้ำที่ไหลบ่ามาจากพื้นที่ต้นน้ำ
ในบังกลาเทศ พื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ได้รับความเสียหาย ทั้งนาข้าว พืชผัก และฟาร์มปลา ส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างหนัก นอกจากนี้ บ้านเรือน ถนน และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญก็ได้รับผลกระทบ ทำให้ประชาชนต้องอพยพไปยังพื้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าสถานการณ์อาจทวีความรุนแรงขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของบังกลาเทศได้ออกคำเตือนว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมในภูมิภาคนี้ยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น