รู้จัก "Iron Dome" ระบบต่อต้านขีปนาวุธของอิสราเอล

อิสราเอลใช้ระบบป้องกันทางอากาศหลายชั้นเพื่อต่อต้านการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จากอิหร่าน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยระบบ "Iron Dome" เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยปกป้องประเทศ

ระบบป้องกันทางอากาศแบบหลายชั้น

อิสราเอลได้พัฒนาระบบป้องกันทางอากาศ Iron Dome มาตั้งแต่สงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991 จนกลายเป็นเครือข่ายป้องกันแบบหลายชั้นที่เชื่อมโยงกันด้วยระบบควบคุมกลาง ประกอบด้วย:

1. Arrow-2 และ Arrow-3: ระบบชั้นนอกสุด ออกแบบมาเพื่อสกัดขีปนาวุธที่ยิงมาจากระยะไกลหลายพันกิโลเมตร

2. David's Sling: ระบบชั้นกลาง ใช้ต่อกรกับขีปนาวุธพิสัยสั้นที่ยิงมาจากระยะ 100-200 กิโลเมตร

3. Iron Dome: ระบบชั้นในสุด ใช้ยิงสกัดเป้าหมายขนาดเล็ก ความเร็วต่ำ เช่น จรวดพิสัยสั้นและโดรน

Iron Dome: ระบบป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง

Iron Dome ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Rafael Advanced Defense Systems ของรัฐบาลอิสราเอล โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา เริ่มใช้งานครั้งแรกในปี 2011 ระบบนี้ประกอบด้วยหน่วยเคลื่อนที่ที่ติดตั้งบนรถบรรทุก สามารถยิงขีปนาวุธนำวิถีด้วยเรดาร์เพื่อสกัดภัยคุกคามระยะสั้น

จุดเด่นของ Iron Dome คือระบบควบคุมที่สามารถแยกแยะได้ว่าเป้าหมายใดเป็นภัยคุกคามจริง หากจรวดของฝ่ายตรงข้ามจะตกลงในพื้นที่ที่ไม่มีประชากรอาศัยอยู่หรือในทะเล ระบบจะไม่ทำการสกัดกั้น ทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่มีการยิงจรวดจำนวนมากเข้ามาพร้อมกัน

ในการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อเดือนตุลาคม 2566 Iron Dome สามารถสกัดกั้นจรวดได้ถึง 90% จากจำนวนหลายพันลูกที่ถูกยิงเข้ามา โดยตลอดระยะเวลาการใช้งาน ระบบนี้ได้สกัดกั้นเป้าหมายไปแล้วหลายพันครั้ง

ราคาขีปนาวุธ Tamir ที่ใช้สำหรับ Iron Dome

ขีปนาวุธ Tamir ที่ใช้ใน Iron Dome จะมีราคาประมาณ 50,000 ดอลลาร์ต่อลูก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากไม่มีการสกัดกั้น แต่การใช้งานอย่างเข้มข้นในช่วงความขัดแย้งทำให้ต้องมีการเตรียมการสำรองกระสุนไว้เป็นจำนวนมาก

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า Iron Dome เป็นระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดสำหรับภัยคุกคามที่อิสราเอลเผชิญอยู่ ด้วยการผสมผสานระบบป้องกันหลายชั้นและการออกแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะของประเทศ

ที่มา: รอยเตอร์ Israel’s Iron Dome