รัฐบาลสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะ "ชัตดาวน์ทางการคลัง" หลังจากร่างงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวที่ได้รับการสนับสนุนโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี และอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีทรงอิทธิพล ถูกปัดตกในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
การโหวตที่ได้คะแนน 174 ต่อ 235 เสียงสะท้อนความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกันเอง ซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบทางการเมืองและเศรษฐกิจในวงกว้าง
ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน แถลงหลังการโหวตว่า สภาจะต้องหาวิธีการใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะชัตดาวน์ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับแผนสำรอง หากการเจรจาล่าช้าจนเลยกำหนดเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม หน่วยงานรัฐบาลกลางจำนวนมากจะถูกบังคับให้ระงับการดำเนินงาน ส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกว่า 2 ล้านคน รวมถึงการให้บริการสำคัญ เช่น การตรวจคนเข้าเมือง และการดูแลอุทยานแห่งชาติ
โดนัลด์ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ ได้วิพากษ์วิจารณ์ร่างงบประมาณก่อนหน้านี้ที่เสนอโดยพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นร่างที่มีการประนีประนอมกับพรรคเดโมแครต โดยเพิ่มงบประมาณช่วยเหลือด้านภัยพิบัติและการเกษตร 110,000 ล้านดอลลาร์ แต่ทรัมป์เรียกร้องให้แก้ไขร่างงบใหม่ โดยเสนอให้ยกเลิกเพดานหนี้เป็นเวลา 2 ปีเพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารงานในทำเนียบขาวเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง
ถึงแม้ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ แต่ทรัมป์ใช้การกดดันอย่างไม่เป็นทางการผ่านช่องทางการเมืองและเครือข่ายสนับสนุน โดยเตือนสมาชิกพรรครีพับลิกันว่าเขาจะไม่สนับสนุนในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากไม่ลงคะแนนให้ผ่านร่างงบฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรคบางส่วนรวมถึง ชิป รอย ส.ส.จากพรรครีพับลิกันกลับแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อหนี้สาธารณะที่อาจเพิ่มขึ้นมหาศาลจากนโยบายดังกล่าว
ภายใต้ร่างงบประมาณที่ถูกโหวตคว่ำ ทรัมป์ได้ผลักดันให้รวมมาตรการลดหย่อนภาษีระยะยาว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอาจทำให้หนี้รัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นอีก 8 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 36 ล้านล้านดอลลาร์ นักวิจารณ์จากพรรคเดโมแครตยังชี้ว่า นโยบายดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มคนรวยเช่น มัสก์ ขณะที่คนอเมริกันส่วนใหญ่ยังคงเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ
แม้ร่างงบประมาณจะได้รับการแก้ไขตามข้อเสนอของทรัมป์ แต่ก็ยังต้องเผชิญความท้าทายในวุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก และทำเนียบขาวภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังคงแสดงท่าทีไม่สนับสนุน นี่เป็นสัญญาณว่า พรรครีพับลิกันภายใต้การนำของทรัมป์ยังคงต้องต่อสู้ภายในเพื่อความเป็นเอกภาพ ขณะที่แรงกดดันจากภายนอกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความล้มเหลวครั้งนี้ยังส่งผลต่อความมั่นคงของตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรของจอห์นสันเอง เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนประกาศไม่สนับสนุนเขาในสมัยหน้า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ทางการเมืองที่ร้อนแรงก่อนการเปิดสภาในเดือนมกราคม 2568
การเผชิญหน้ากับปัญหาเพดานหนี้ยังคงเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลสหรัฐต้องจัดการ เนื่องจากการไม่สามารถแก้ไขปัญหาอาจนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก เช่นเดียวกับวิกฤตการณ์ในอดีตที่ทำให้ตลาดการเงินเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง
อ้างอิง: