5 ปรากฏการณ์เขย่าตลาดการค้าโลกปี 2024

28 ธ.ค. 2567 | 00:00 น.

แม้การคาดการณ์ในปี 2567 จะชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของการค้าโลก แต่ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลก

แม้ว่าการค้าคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2025 แต่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดภูมิทัศน์ แม้การค้าโลกในปี 2024-2025 จะมีโอกาสเติบโต แต่ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายสิ่งแวดล้อมจะยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องจับตา การปรับตัวเชิงกลยุทธ์ทั้งในด้านเทคโนโลยี ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการกระจายห่วงโซ่อุปทาน จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ประเทศต่างๆ รับมือกับความท้าทายและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในระยะยาว

นี่คือ 5 ปรากฎการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในปี 2024 

WTO ปรับเพิ่มแนวโน้มการค้า

ในเดือนเมษายน องค์การการค้าโลก (WTO) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของการค้าโลกจาก 2.6% เป็น 2.7% หลังจากอุปสงค์ยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีปัจจัยลบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

รายงานล่าสุดจากสหประชาชาติระบุว่าการค้าโลกในปี 2024 จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 33 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยการค้าบริการมีการเติบโตถึง 7% และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการขยายตัวครั้งนี้ ขณะที่การค้าสินค้าเติบโต 2% แต่ยังต่ำกว่าระดับในปี 2022

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงสำคัญในปี 2025 ยังคงเป็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ และนโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงได้โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา

ความสัมพันธ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ในปี 2024 สหรัฐฯ ยังคงเพิ่มมาตรการทางภาษีต่อสินค้าจากจีน เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดผลกระทบจากการค้าที่ไม่เป็นธรรม มาตรการเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ

หากนโยบายเหล่านี้เข้มงวดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจยิ่งตึงเครียด ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกโดยรวม

การเปลี่ยนแปลงจากภูมิรัฐศาสตร์

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อพลวัตการค้าในปี 2024 ได้แก่ ความขัดแย้งในยูเครน การจัดตั้งพันธมิตรใหม่ และการกระจายความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน ประเทศต่างๆ พยายามเพิ่มความยืดหยุ่นด้วยการกระจายแหล่งทรัพยากร ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน และปรับปรุงความร่วมมือระหว่างประเทศ

ข้อตกลงการค้าที่สำคัญ

แม้จะมีความตึงเครียด แต่ข้อตกลงการค้าหลายฉบับยังคงเดินหน้าต่อไป ตัวอย่างเช่น สหภาพยุโรปและประเทศเมอร์โคซูร์ 4 ประเทศ ได้บรรลุข้อตกลงการค้าเสรีหลังรอคอยมานาน ขณะที่ประเทศไทยก็มีการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับกลุ่ม EFTA และข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศกับประเทศอื่นๆ ข้อตกลงเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการค้า แต่ยังส่งเสริมเป้าหมายทางนโยบายที่ยั่งยืน

การเติบโตของเทคโนโลยีการค้า

เทคโนโลยีการค้า (TradeTech) เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการค้าโลก ในการประชุม TradeTech Forum ที่อาบูดาบี ผู้นำจากทั่วโลกได้หารือเกี่ยวกับการเพิ่มความโปร่งใสและการแบ่งปันข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการค้า โครงการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การค้าโลกราบรื่นและทันสมัยมากยิ่งขึ้น