จีนลดภาษีนำเข้า 0% ผงาดพี่ใหญ่ค้าเสรีโลก หอฯชี้ช่องรักษาตลาด 1.1 ล้านล้าน

23 ธ.ค. 2567 | 20:46 น.

หอการค้าฯชี้ จีนลดภาษีนำเข้าสินค้า 0% แก่ประเทศกำลังพัฒนา หวังขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจ ตอกย้ำพี่ใหญ่โลก ส่งเสริมการค้าเสรียุคใหม่ สวนทางสหรัฐฯยุค “ทรัมป์ 2.0”สั่งเก็บภาษีเพิ่ม คาดปี 68 ไทย-เทศแข่งเดือดชิงตลาดแดนมังกร ชี้ช่องไทยรักษา 1.1 ล้านล้าน-รับมือสินค้าจีนทะลัก

กรณีจีนประกาศยกเว้นภาษีศุลกากร 0% แก่ประเทศกำลังพัฒนาโดยเริ่มใช้มาตรการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 นั้น

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การที่จีนประกาศนโยบายนี้ หอการค้าฯ มองว่าเป็นการช่วงชิงประเทศพันธมิตรเพื่อขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน และตอกย้ำการเป็นพี่ใหญ่ของโลกในการส่งเสริมการค้าเสรีในยุคใหม่

ในมุมหนึ่งการที่จีนยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเป็น 0% ทำให้สินค้าไทยที่ส่งไปจีนอาจจะต้องแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น ขณะที่สินค้าที่ไทยมีศักยภาพและเป็นที่ยอมรับของตลาดจีนจำเป็นต้องเร่งขยายช่องทางการจำหน่ายต่าง ๆ เข้าไปในตลาดจีนให้มากที่สุด ซึ่งประเด็นนี้หอการค้าฯ คงต้องศึกษาในรายละเอียด ทั้งมุมที่เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย และมุมที่จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ หอการค้าฯ ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรและสินค้าเกษตรของไทย ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ปัจจุบันมีตัวเลขการส่งออกจำนวนไม่น้อย หากจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันไทยต้องเร่งนำเทคโนโลยีขั้นสูงและ R&D มาใช้กับภาคเกษตรของไทยให้มากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น รัฐบาลอาจสนับสนุนพันธุ์พืชที่ดี เพื่อเพิ่ม Productivity และเปลี่ยนจากการขายสินค้าเกษตร สู่การแปรรูปเป็นอาหารที่มีมูลค่าเพิ่ม

สนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

ขณะเดียวกันในส่วนของปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้าไทย และอาเซียนจากผลกระทบสงครามการค้ากับสหรัฐ และถูกส่งเข้ามาตัดราคากัน โดยเฉพาะสินค้าออนไลน์ ไม่มีมาตรฐาน ไม่เสียภาษี อีกทั้งช่องทางการชำระเงินยังผ่านเข้าระบบจากต่างประเทศ ส่วนนี้หอการค้าฯ ได้ work กับรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย เพื่อให้การค้าระหว่างสองประเทศ เป็นไปด้วยความยุติธรรม ซึ่งไทยจะไม่กีดกันการค้ากับจีน

โดยหอการค้าฯ ได้นำเสนอ 3 กลยุทธ์สำคัญ เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่

1) การตั้งรับ ไทยต้องตรวจสอบและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นทางของสินค้า โดยยึดมาตรฐานสินค้าของไทยเป็นหลัก

2) การจับมือ โรงงานผู้ผลิตที่เข้ามาจะต้องทำประโยชน์ให้กับไทย เช่น นำเทคโนโลยี ระบบซัพพลายเชน มาช่วยสอนให้ผู้ประกอบการไทยมีความเข้มแข็ง เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

3) การรุกกลับ รัฐบาลจำเป็นต้องร่วมมือกับเอกชนในการช่วยส่งเสริมสินค้าไทยให้ขายในประเทศจีนได้มากขึ้น เช่น นำสินค้าไทยที่เข้มแข็งและมีความต้องการไปขายในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของจีนที่มีอยู่ โดยเชิญแพลตฟอร์มเหล่านี้มาหารือและขอความร่วมมือสนับสนุนสินค้าไทยให้สามารถจำหน่ายได้ ซึ่งส่วนนี้จะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศภายใต้ผลประโยชน์ทางการร่วมกันแบบ All win

อนึ่ง จีน เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย (ไม่นับอาเซียน) โดยในปี 2566 การค้าไทย-จีน มีมูลค่ารวม  3.65 ล้านล้านบาท โดยไทยส่งออก 1.17 ล้านล้านบาท นำเข้า 2.47 ล้านล้านบาท ไทยขาดดุลการค้าจีน 1.29 ล้านล้านบาท

ขณะ 10 เดือนแรกปี 2567 การค้าไทย-จีน มีมูลค่ารวม  3.38 ล้านล้านบาท (+11.69%) โดยไทยส่งออก  1.03 ล้านล้านบาท (+4.34%) นำเข้า 2.34 ล้านล้านบาท (+15.28%) ไทยขาดดุลการค้าจีน 1.31 ล้านล้านบาท (-25.66%)