โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่! เครื่องบินเจจูแอร์ตกที่มูอัน ยอดเสียชีวิตพุ่ง

29 ธ.ค. 2567 | 04:40 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ธ.ค. 2567 | 04:58 น.

เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ตกขณะลงจอดที่สนามบินมูอันในเกาหลีใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนหาสาเหตุ

เกิดเหตุสลดในเช้าวันที่ 29 ธันวาคม 2567 เมื่อเครื่องบินโดยสารของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารรวม 181 คน พุ่งออกนอกรันเวย์และชนกำแพงขณะลงจอดที่สนามบินมูอัน จังหวัดชอลลาใต้ ประเทศเกาหลีใต้ ส่งผลให้เกิดการระเบิดและไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 85 ราย และคาดว่าผู้สูญหายที่เหลืออาจไม่มีชีวิตรอด

เครื่องบินลำดังกล่าวเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ โดยมีผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ ยกเว้นผู้โดยสารสัญชาติไทย 2 คน เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ผู้รอดชีวิตเพียง 2 คน ได้แก่ ผู้โดยสารหญิงและลูกเรือหญิง ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองมกโพ โดยผู้รอดชีวิตเป็นพนังงานเครื่องบินอายุ 33 ปีอยู่ท้ายเครื่องบินขณะตก

ภาพจากสื่อท้องถิ่นเผยให้เห็นว่าเครื่องบินพยายามลงจอดโดยไม่มีการปล่อยล้อใต้ท้องเครื่อง ทำให้ไถลไปตามพื้นรันเวย์ ก่อนชนเข้ากับกำแพงคอนกรีตและเกิดการระเบิด เครื่องบินถูกทำลายเกือบทั้งหมด เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเบื้องต้นว่าปัญหาอาจเกิดจากระบบล้อที่ชำรุด ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการชนกับนกขณะบิน

หลังเกิดเหตุ หน่วยงานท้องถิ่นได้ยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับสูงสุดและระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อเข้าช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ

รักษาการประธานาธิบดี ชเว ซังมก ได้เดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุในช่วงเที่ยง พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ด้านสำนักงานประธานาธิบดีได้จัดการประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเวลา 11.30 น. เพื่อหารือเกี่ยวกับการตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้

การสอบสวนสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้กำลังดำเนินการ โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพื่อหาคำตอบว่าสิ่งใดเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากนี้

ขณะเดียวกัน สายการบินเจจูแอร์ได้ออกแถลงการณ์สั้นๆ ระบุว่าจะทุ่มเททุกความพยายามในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยเครื่องบินลำดังกล่าวมีอายุการใช้งาน 15 ปีและไม่เคยมีประวัติอุบัติเหตุมาก่อน

 

ที่มา: Yonhap News Agency