ไปไม่ถึงฝัน หัวเว่ยฯยอมรับปีนี้ ยังรั้งที่2 สมาร์ทโฟนโลก

11 มิ.ย. 2562 | 11:08 น.

นายเชา หยาง หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจคอนซูมเมอร์ของบริษัท หัวเว่ยฯ ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมและสมาร์ทโฟนของจีน กล่าวใน งาน CES Asia ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ช่วงสัปดาห์นี้ว่า  บริษัทยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทซัมซุงของเกาหลีใต้ครองตำแหน่งนั้นอยู่

 

ผู้บริหารของหัวเว่ยฯ กล่าวเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.นี้ว่า หัวเว่ยฯเพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับสองของโลกเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อพิจารณาในแง่ยอดขาย และเคยประมาณการณ์ว่าอาจจะสามารถขยับขึ้นสู่อันดับ 1 ของโลกภายในสิ้นปีนี้ แต่มาถึงปัจจุบัน บริษัทคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านั้นอีกสักหน่อย

ไปไม่ถึงฝัน หัวเว่ยฯยอมรับปีนี้ ยังรั้งที่2 สมาร์ทโฟนโลก

ในปีที่ผ่านมา (2561) หัวเว่ยฯสามารถแซงหน้าบริษัทแอปเปิ้ลของสหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็นอันดับ2 ในตลาดสมาร์ทโฟนโลก เป็นรองก็แต่เพียงซัมซุง และนับตั้งแต่นั้นมา เป้าหมายของหัวเว่ยฯ ก็เป็นการโค่นแชมป์อย่างซัมซุงมาโดยตลอด โดยปัจจุบัน หัวเว่ยฯสามารถทำยอดขายสมาร์ทโฟนได้เฉลี่ยวันละ 500,000 – 600,000 เครื่องทั่วโลก  แต่นับเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ที่หัวเว่ยฯต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่พยายามทุกวิถีทางในการที่จะสกัดกั้นหัวเว่ยฯ ออกจากตลาดเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายความเร็วสูง ระดับ 5G ซึ่งรวมถึงการที่สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยฯ ไม่ยอมให้บริษัทอเมริกันซื้อขายซอฟต์แวร์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ด้วย โดยอ้างเหตุผลว่า หัวเว่ยฯเป็นบริษัทเอกชนที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลจีน ดังนั้น บริษัทอาจใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่มีอยู่ทำการสอดแนมประเทศอื่นและถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ  แต่ข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ถูกหัวเว่ยฯปฏิเสธมาโดยตลอด

ไปไม่ถึงฝัน หัวเว่ยฯยอมรับปีนี้ ยังรั้งที่2 สมาร์ทโฟนโลก

อย่างไรก็ตาม บริษัทอเมริกันรวมถึงบริษัทญี่ปุ่นหลายรายที่เป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์หรือชิ้นส่วนอุปกรณ์โทรคมนาคม ได้เริ่มปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรหัวเว่ยฯโดยรัฐบาลสหรัฐฯแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกูเกิ้ล เฟซบุ๊ค หรือผู้ผลิตชิปและชิ้นส่วนอุปกรณ์อีกหลายราย  แรงกดดันดังกล่าวอาจจะมีผลกระทบต่อยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยฯหลายรุ่นในอนาคต ผู้บริหารของหัวเว่ยฯยอมรับว่า แม้ขณะนี้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยฯยังใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และอัพเดตบริการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับระบบดังกล่าว รวมถึงการใช้แอพพลิเคชั่นอย่างเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม และว็อทส์แอป ได้ตามปกติ แต่บริษัทเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งพัฒนาระบบปฏิบัติการของหัวเว่ยฯเองไว้ใช้เป็นแผนสำรองแล้วเช่นกัน และพร้อมนำมาใช้หากจำเป็น  

 

แม้ผู้บริหารของหัวเว่ยฯ ไม่ได้ให้เหตุผลหรือรายละเอียดว่าเพราะอะไรจึงคิดว่าต้องรอเวลาอีกสักหน่อยก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนโลก แต่ก็เชื่อว่าเหตุผลหลักๆน่าจะเป็นเพราะแรงกดดันและมาตรการสกัดดาวรุ่งจากสหรัฐฯนั่นเอง