"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

22 ก.ย. 2562 | 03:55 น.

 

เชฟโรเลต ตัดสินใจกลับมาทำตลาดเอสยูวีในไทยอีกครั้ง และคราวนี้เป็นการนำเข้ามาจากโรงงานผลิตของบริษัทร่วมทุน SGMW  (เซียงไฮ้ออโตโมทีฟ,จีเอ็ม และวู่หลิง) ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งรถโมเดลนี้ทำตลาดในหลายยี่ห้อ ชื่อรุ่นก็ต่างไปในแต่ละประเทศ แต่ในเมืองไทยเชื่อว่าชื่อ “แคปติวา” ยังพอขายได้และไม่ต้องไปปวดหัวกับการสร้างชื่อใหม่

…เรียกง่ายๆว่ารุ่นใหม่ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับโมเดลเดิมเลย และเป็นการนำรถที่พัฒนาโดยบริษัทร่วมทุนกับบริษัทจีน (แคปติวาเดิม ร่วมกับ แดวู ของเกาหลีใต้) มาแปะป้ายเชฟโรเลตแล้วขาย

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

ความน่าสนใจของ “แคปติวา ใหม่” คือขนาดตัวถังที่ใหญ่ หรือเทียบความยาว ความสูง และระยะฐานล้อมากกว่า ฮอนด้า ซีอาร์-วี และมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 แต่วางเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ ดังนั้นราคาจะเสียบอยู่ตรงกลางระหว่างเอสยูวีระดับซีเซ็กเมนต์ กับ บีเซ็กเมนต์(โตโยต้า ซี-เอชอาร์,ฮอนด้า เอชอาร์-วี เป็นต้น) โดยรุ่น LS ราคา 999,000 บาท LT 1,099,000 บาท และรุ่นท็อป Premier ราคา 1,199,000 บาท (2 รุ่นหลังเป็น 7 ที่นั่ง)

นอกจากคู่แข่งที่อยู่ในตลาดที่ล้วนเป็นแบรนด์แข็งโป๊กทั้งนั้น การกลับมาของ “แคปติวา ใหม่” ยังต้องเจอกับแบรนด์ในระดับใกล้เคียงกันอย่าง“เอ็มจี” ที่มีรุ่น แซดแอส ขายดีในกลุ่ม บี-เอสยูวี และเตรียมเปิดตัวโมเดลใหม่ เอชเอส (HS) ที่จะเข้ามาทำตลาดแทน จีเอส(GS) ช่วงปลายเดือนนี้

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

ผมเชื่อว่า เอ็มจี เอชเอส ที่ตัวถังเล็กกว่านิดหน่อย วางเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ พิกัดเดียวกัน แต่แรงม้ามากกว่าคือ 160-170 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด ราคาอยู่ระดับเดียวกับแคปติวา นี่ละครับ ตัวเริ่มต้นอาจจะกว่า 9 แสนบาท ส่วนตัวท็อปผมว่าอยู่แถวๆ 1.1 ล้านบาท

ทั้งนี้ “เอ็มจี” เมื่อไล่ดูธุรกิจขึ้นไป บริษัทแม่ก็คือ “เซี่ยงไฮ้ออโตโมทีฟ” SAIC ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จีน ที่ จีเอ็มเป็นพันธมิตรอยู่ แล้วดึงโปรดักต์ตัวนี้มาขายในไทยงานนี้เลยกลายเป็นศึกสายเลือดระหว่างเอสยูวีสายพันธุ์จีนที่มาเปิดตัวชนกันเต็มๆในตลาดไทย

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

แคปติวาใหม่ มากับรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว แต่ทรงรวมๆดูยาว แคบ สูง ประกบล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว เป็นมาตรฐานทุกรุ่น ผมดูว่ารถใหญ่แต่รองเท้าเล็กไปนิด ซึ่งเชฟโรเลต ยืนยันว่าเป็นเรื่องต้นทุนอย่างหนึ่งที่ต้องควบคุม(เอ็มจี เอชเอส ตัวท็อปใช้ล้อ 18 นิ้ว)

ตัวท็อปราคาไม่ถึง 1.2 ล้านบาท ได้ของเล่นมาเต็มๆทั้ง หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ไฟหน้าโปรเจ็กต์เตอร์แบบLED พร้อมหน่วงเวลาปิด กระจกมองข้างพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) กล้อง 360 องศา เบรกมือไฟฟ้า พวงมาลัยหุ้มหนัง ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร และไฟอ่านแผนที่ พร้อมช่องเก็บแว่นตาแบบ LED ด้านเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แผงหน้าปัด DIC มัลติฟังก์ชัน 7 นิ้วแบบ Full TFT เซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหน้า ตลอดจนระบบเสียง Infinity by HARMAN ลำโพง 9 ตัว รวมซับวูฟเฟอร์ (4 speakers, 4 twitters, 1 subwoofer)

วัสดุและงานประกอบของแคปติวาใหม่ อยู่ในเกรดเดียวกับพวก ซี-เอสยูวีแบรนด์ญี่ปุ่น พร้อมฟังก์ชันที่จำเป็นต่อการใช้งานจัดมาแบบไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เช่น ช่องเชื่อมต่อ USB 4 จุด(ด้านหน้า2 จุดและหลัง 2 จุด) การนั่งเป็นผู้โดยสารแถว 2 พื้นที่เหลือเพียบ ยืดแข้งขาได้สบาย เบาะพิงสามารถปรับเอนไปด้านหลังได้มากองศาแบบเตียงผ้าใบชายหาด ขณะที่รถหลังคาสูงเข้าออกสะดวก ลุกนั่งสบาย

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

ด้วยโครางสร้างของรถแบบ แคบ ยาว สูง และช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมกเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง ถ้าเป็นผู้ขับรู้สึกว่ารถจะเซตมานุ่ม และมีอาการโยกคลอนเยอะเมื่อใช้ความเร็วสูง แต่เมื่อนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง (แถว2) กลับรู้สึกว่ารองรับแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี อาการที่หงุดหงิดจากการเป็นผู้ขับ พอเปลี่ยนมานั่งเป็นผู้โดยสาร กลายเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชม

ตรงนี้สะท้อนว่าใครซื้อใช้เป็นรถครอบครัวน่าจะเหมาะสม โดยจัดให้ผู้อาวุโสนั่งด้านหลัง ส่วนลูกๆให้นั่งแถว 3 ไป (ซึ่งเป็นมุมส่วนตัวที่เด็กๆจะชอบมาก) สบายตัวกันทุกตำแหน่ง

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางอเนกประสงค์ ผมว่าเดินทาง 3-4 คนกำลังดี ส่วนเบาะนั่งแถว 3 เอาไว้เก็บสัมภาระ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องอัดกันไป 7 คน เบาะหลังสุดยังมีพื้นที่ให้นั่งได้จริงหรือไม่ลำบากขนาด “หลังชัน เข่างอ” เพียงแต่คุณนั่งกันมาเต็มลำขนาดนี้ กลัวว่ารถจะอืดมากๆ

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

อัตราเร่งของ แคปติวา ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 2,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ในการทดสอบที่ผมนั่งกันไป 2 คน การตอบสนองยังค่อนข้างอืด อัตราเร่งมาไม่ทันใจ ขณะที่ระบบเกียร์ ไม่ได้ส่งเสริมให้การถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ลงสู่ล้อหน้าได้เนียนเท่าไหร่นัก (ขนาดทดอัตราเฟืองท้ายไว้ถึง 5.511)

หากคุณเร่งแรงๆ ต้องการบี้ความเร็วหนักๆ ยังต้องแลกด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่หวีดดัง ราวกับมันจะร้องว่า “เจ้านายอย่าขยี้ผมมากนักเลย” ส่วนพวงมาลัย และแป้นคันเร่งนํ้าหนักค่อนข้างเบา พร้อมสัมผัสแปลกๆของแป้นเบรก ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับระยะชะลอหยุดพอสมควร

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

"เชฟโรเลต แคปติวา" เกิดใหม่แต่ไม่เหมือนเดิม

เชฟโรเลต แคปติวา ปล่อยไอเสียระดับ 198 กรัม/กม.ไม่รองรับนํ้ามันแก๊สโซฮอล์ E85 จึงเสียภาษีสรรพสามิตเต็มๆ 30% ขณะที่อัตราบริโภคนํ้ามัน ผมลองวัดจากช่วงรถติดในกรุงเทพฯตอนเช้า ขึ้นทางด่วนไปลงพระราม 2 จนสุดที่แยกวังมะนาว จังหวัดเพชรบุรี ระยะทางประมาณ 100 กม. ตัวเลขที่หน้าปัดแสดงผลไว้ 11.6 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...กลับมาเกิดใหม่ แต่คราวนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิม สมรรถนะไม่โดดเด่น ด้วยโครงสร้างของรถและความอ่อนแอของขุมพลัง แต่ใครชอบรถใหญ่ๆ ขับนุ่มๆ นั่งสบาย พื้นที่ภายในกว้างขวางออพชันดี การออกแบบสวยงาม ตอนนี้มี “เชฟโรเลต แคปติวา” มาเพิ่มอีกหนึ่งทางเลือกแล้วละครับ 

คอลัมน์ เทสต์ไดร์ฟ

โดย : กรกิต กสิคุณ

 

หน้า 28-29  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 39 ฉบับที่ 3,507 วันที่ 22 - 25 กันยายน พ.ศ. 2562