ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมที่เกี่ยวข้องในหลายระดับ ทั้งระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ระดับรัฐมนตรี รองผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มเอเปก และไฮไลน์สำคัญวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ จะมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดได้รับการยืนยันจะมีผู้นำของประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมงานแล้วอย่างคับคั่ง
คู่ขนานกันไปจะมีการจัดประชุม สุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit) ในวันที่ 16-18 พ.ย. ภายใต้แนวคิด “Embrace Engage Enable” ซึ่งมุ่งหวังการฟื้นฟูความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และประชาชนในภูมิภาคโดยจะมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงทางธุรกิจจากทั่วโลกและผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคมากกว่า 10 ประเทศที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ซึ่งผลสรุปจะได้นำเสนอต่อเวทีผู้นำเอเปกเพื่อช่วยขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมต่อไป
นางสาวปริม จิตจรุงพร ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Young Entrepreneurs Chamber : YEC) หอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการประชุมสุดยอด “APEC CEO Summit 2022” ในครั้งนี้ หอการค้าไทยได้เปิดโอกาสให้กลุ่ม YEC เข้าไปมีส่วนร่วม โดยได้มีการคัดเลือก YEC ทั่วประเทศ จำนวน 100 คน ในการเข้าไปเรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และได้เห็นบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความเห็นทางธุรกิจระดับโลก ผ่านการเข้าไปทำหน้าที่ในการเป็นเจ้าภาพ การอำนวยความสะดวก และต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมตลอดการจัดงาน
“การได้เข้าไปสัมผัสกับงานระดับโลกจะช่วยกระตุ้นในการกลับไปปรับตัวเพื่อโอกาสในวันข้างหน้าของกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดย YEC ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ที่มาร่วมงาน รวมถึงได้เห็นการทำงานขององค์กรระดับมืออาชีพจากต่างประเทศที่มาร่วมจัดงานในครั้งนี้อีกด้วย”
นอกจากนี้ YEC ยังได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในผลการสำรวจ Business of People Poll ของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) ที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสียงถึงภาคนโยบาย และระหว่างภาคธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนไปยังอนาคตข้างหน้าร่วมกัน ปัจจุบัน YEC มีสมาชิกมากกว่า 5,000 คน มาจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต เพราะเป็นกลุ่มที่มีพลังมหาศาล เข้าใจเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยต่อยอดการค้าไทยได้อีกมาก นอกจากนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีในอีก 20 ปีข้างหน้าที่ไทยจะกลับมาเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค อีกครั้ง โดยกลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นตัวแทนภาคเอกชนในการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งต่อไปอย่างเต็มตัว
ประธาน YEC ยังให้มุมมองทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)ไทยปี 2565 และแนวโน้มปี 2566 ว่า เวลานี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเข้าสู่จุดที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนภาคการส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้ายอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้
โดยสรุปแล้ว คาดว่าไตรมาส 4/2565 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ประมาณ 4% ทำให้จีดีพีของไทยทั้งปี 2565 น่าจะขยายตัวได้ 3.0-3.5% ส่วนปี 2566 หอการค้าไทยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ถึง 4%
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2566 โดยหลัก ๆ มี 3 เรื่อง คือ 1.ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ไทยและทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในทุกมิติของสังคม 2.ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว สังคมไทยได้รับผลกระทบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะเห็นได้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยเป็นไปอย่างเชื่องช้า และ 3.ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ Geopolitics โดยเฉพาะนโยบายและความขัดแย้งจากขั้วมหาอำนาจ ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตในระบบซัพพลายเชน ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกลำดับต้น ๆ ของโลก ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้าเพื่อให้ขยายตัวดีขึ้นกว่าปีนี้ รัฐบาลต้องเร่งส่งเสริมและโปรโมทภาคการท่องเที่ยว เพื่อสร้างแรงเหวี่ยงทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น ดังนั้นภาครัฐต้องร่วมมือกับเอกชนมากขึ้น เพื่อผลักดันนโยบาย Trade & Travel เพราะตลาดนักท่องเที่ยวยังมีความท้าทาย
ขณะเดียวกันต้องเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยรัฐบาลต้องมีนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนของต่างชาติ เพื่อเป็นปัจจัยในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และในการฟื้นเศรษฐกิจในภาพรวม จะต้องมีแนวทางการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค กลุ่ม จังหวัด และจังหวัดต่าง ๆ เช่น งบลงทุนของภาครัฐ ควรเอื้อให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะเชื่อมต่อหรืออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนต้องกระจายไปในภูมิภาคมากขึ้น
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3832 วันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565