กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ 1 ก.ค. 2564 ติดเชื้อเพิ่ม 5,533 ราย สะสมระลอกที่สาม 235,971 ราย สะสมทั้งหมด 264,834 ราย หายป่วยกลับบ้าน 3,223 ราย สะสม 183,276 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 57 ราย สะสมระลอกที่สาม 1,986 รายทั้งหมด 2,080 ราย ยังคงเป็นสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงเกินควบคุม โดยเฉพาะเตียงพยาบาลรองรับผู้ป่วยขั้นวิกฤติ ที่เต็มปริ่มจนไม่สามารถรองรับได้อีก
ขณะที่นักวิชาการมหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าได้ออกมาให้ข้อมูลผู้ติดเชื้อในกทม.1,826 ราย ของวันที่ 30 มิ.ย.2564 พร้อมประเมินว่าเป็นส่วนเริ่มต้นของการระบาดระลอกที่ 4 ที่จะเป็นเหมือนคลื่นสึนามิที่ระบาดรุนแรงเพิ่มขึ้นในระยะไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะสัปดาห์แรกของเดือนก.ค.ที่เป็น 7 วันอันตรายในพื้นที่ กทม.ซึ่งเหตุการณ์ สถิติของการระบาด ย้อนกลับไปใกล้เคียงกับต้นเดือนเม.ย.ที่เป็นขาขึ้นของระลอกใหม่
สถานการณ์การระบาดที่อาจเกิดขึ้นในกทม.ตัวเลขสูงสุดต่อวันจะไปอยู่ 2.5-3 พันคนต่อวัน ในกรณีควบคุมโรคได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากไม่สามารถควบคุมได้อยดผู้ติดเชื้ออาจพุ่งไปแตะที่ 4-5 พันคนต่อวัน ด้านการระบาดในต่างจังหวัดจะมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน หลังจากแรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด หลังรัฐบาลประกาศปิดแคมป์คนงาน
มาตรการป้องกันอย่างเข้มแข็ง จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจังอีกรอบ ทั้งการล็อกดาวน์ เวิร์คฟอร์มโฮม ใส่หน้ากาก 2 ชั้น หากจำเป็นต้องออกไปนอกเคหสถาน เลี่ยงเดินห้างสรรพสินค้า ตลาดสด ที่ชุมนุมชน โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขัน ในการดำเนินการเพื่อป้องกัน สกัดกั้นโรคอย่างเคร่งครัด โดยไม่ปล่อยให้บุคลากรการแพทย์ต้องเผชิญกับภาระที่ยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก จากปัจจุบันที่แบกรับภาระอย่างสาหัสอยู่แล้ว
รัฐบาลต้องเร่งรัดและปรับแผนรุกในการจัดหาวัคซีน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องดำเนินการด้วยตัวเองในการเจรจากับผู้นำประเทศผู้ผลิตวัคซีน โดยเฉพาะวัคซีนที่สามารถสกัดเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดียที่มีแนวโน้มระบาดเพิ่มขึ้น
พร้อมสร้างทีมหน่วยงานของรัฐด้านกฎหมาย การแพทย์ มหาวิทยาลัยด้านการแพทย์ องค์การเภสัชกรรม องค์การอาหารและยา ต้องทะลายขั้นตอนและทุบกำแพงขวางกั้นการจัดหาวัคซีนทั้งระบบ ลดการพึ่งพากระทรวงสาธารณสุขในการจัดหาวัคซีน ที่สะท้อนความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ตามคำแถลงของรัฐมนตรีสาธารณสุข ดังปรากฎถ้อยแถลงไม่สามารถติดต่อบริษัทผู้ผลิตวัคซีนบางบริษัทได้ ทั้งที่การเจรจาควรจะมีความสำเร็จและคืบหน้าไปมากแล้ว