ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีเป้าหมายที่จะเปิดประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน หลังจากที่ประกาศมาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ซึ่งได้ยืนยันต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงการเปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าจะเดินหน้าเปิดประเทศให้ได้ตามที่ประกาศไว้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการกระตุ้นท่องเที่ยว แต่ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า จะสามารถเปิดประเทศพร้อมกันได้ทั่วประเทศหรือไม่ อาจจะต้องพิจารณาเป็นเฉพาะพื้นที่ไปก่อน หลังจากนำร่องโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไปแล้ว
ขณะที่ไทยถูกยกระดับคำเตือนการที่จะเดินทางมา จากนานาประเทศมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับ 1 และอังกฤษ กลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับ 2 ประกอบกับพื้นที่นำร่องเปิดประเทศระยะแรก ของพื้นที่ในภูเก็ต ยังเห็นการติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน หรือเฉลี่ยราว 200 คนต่อวัน ทำให้ต้องลดระดับกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลต่อบรรยากาศในการท่องเที่ยวในภูเก็ต โดยเฉพาะการนั่งห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน อีกทั้ง การติดเชื้อในภาพรวมในประเทศถือว่ายังสูงอยู่ แม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ อาจจะส่งผลต่อการเปิดประเทศในภาพรวมมีความเป็นไปได้น้อยมาก
รัฐบาลยังตั้งความหวังที่จะดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามา มีแผนหรือเป้าหมายที่จะดำเนินการเป็นระยะๆ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยมีแผนเปิดเมืองเพิ่มอีกรวม 26 จังหวัด ถือเป็นการดำเนินงานในระยะที่ 2 ที่จะเปิดเพิ่มใน 5 จังหวัดพื้นที่นำร่องเดิมที่ประกาศไว้แล้ว อย่างกรุงเทพฯ, เชียงใหม่, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ และชลบุรี
ระยะที่ 3 จะเปิดเพิ่มอีก 21 จังหวัด คลอบคลุมภาคเหนือประกอบด้วย ลำพูน, แพร่, นาน, แม่ฮ่องสอน,เชียงราย, สุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุดรธานี,หนองคาย, บึงกาฬ, อุบลราชธานี ภาคตะวันตก กาญจนบุรี, ราชบุรี ภาคตะวันออก ระยอง, จันทบุรี, ตราด ภาคกลาง พระนครศรีอยุธยา ภาคใต้ ได้แก่ ระนอง, ตรัง, สตูล, สงขลา, นครศรีธรรมราช โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ก่อนที่จะนำไปสู่การเปิดประเทศในระยะที่ 4 ที่เป็นการเปิดประเทศแบบบับเบิ้ลกับประเทศเพื่อนบ้าน ในช่วงต้นปี 2565
อย่างไรก็ตาม การจะเปิดประเทศได้ตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ได้หรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับแผนการฉัดวัคซีนได้มากน้อยแค่ไหน หากดำเนินการได้ตามเป้าหมาย จากปัจจุบันฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 33 ล้านโดส หากในเดือนกันยายนนี้ ฉีดได้อีก 16 ล้านโดส เดือนตุลาคม 24 ล้านโดส พฤศจิกายนและธันวาคมอีก 46 ล้านโดส จะสามารถรองรับการเปิดประเทศได้
ดังนั้น การเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งควบคุมการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ลดลงเร็วที่สุด ควบคู่กับแผนการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย จะเป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา แต่รัฐบาลจะฝ่าวิกฤตในช่วงนี้ไปได้แค่ไหน ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่คุกรุ่นอยู่ ก็ต้องจับตากันต่อไป หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน การจะเปิดประเทศได้เร็ววันนี้ไม่ใกล้เกินเอื้อม