ขนมเทียน ใส่ฟัก หมูสับ และหอมเจียว

11 ก.ย. 2564 | 03:18 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ย. 2564 | 10:21 น.

คอลัมน์อิ่ม_โอชาฯ โดย Joie de La Cuisine

เทศกาลตรุษสารทฝ่ายจีน มันเป็นงานมหกรรมที่ทุกคนจะต้องมาร่วมกันทำขนม ใช่_ขนมเข่งและขนมเทียน 
 

การนี้เริ่มแต่ใครสักคนจะต้องไปจองใบตองกล้วยตานีที่ตลาดเชิงหวายบางซื่อ ไป ‘ว่า’ กระทงใบตองแห้ง และเข่งสานตะกร้อ จากทรงวาด แล้วจึงจัดซื้อวัตถุดิบต่างๆเช่น ถั่วซีก หมูแถบ หอมแดงพริกไทยขาว ข้าวเจ้ากระสอบ ฝ่ายผลิตก็จะตั้งโม่หินแกรนิตบนตั่งติดถุงผ้าขาวบางที่ปากโม่ เอาบุ้งกี๋หวายรองแล้ววางบนถังน้ำโลหะอีกทีหนึ่ง
 

ระหว่างอำนวยการแช่ถั่วนึ่งถั่ว_เจียวน้ำมันหมู_ทอดหอมซอยหรือทุบพริกไทยก่อนจะบดด้วยเครื่องมูลิเน็กซ์_ทำไส้ อีกฝ่ายก็แช่ข้าวและลงมือโม่ เยาวชนเหยาะแหยะก็จะถูกเรียกมาหยอดข้าวปนน้ำทีละช้อนทีละช้อนลงตาโม่ แล้วมือหมุนโม่นั้นบดเบียดข้าวเมล็ดให้กลายเป็นข้าวแป้งไหลคืบลงในถุงผ้าขาวบางซึ่งนานเป็นกัปกัลป์กว่ามันจะจบจะสิ้นแล้วเอาเชือกมัดปากถุงใช้โม่ส่วนฐานทับถุงแป้งให้น้ำตกสะเด็ด แป้งสดจะถูกนำไปผสมหวานหรือกากมะพร้าวนึ่งทำขนมเข่ง ส่วนแป้งค้างคืนจะถูกนำไปหุ้มไส้ขนมเทียนห่อใบตองสดนึ่งในวันรุ่งขึ้น

ฝ่ายลูกไทยมีหน้าที่ตั้งเครื่องบวงสรวงสังเวยท่านท้าวปฐพรเทพอสูรผู้รักษาถิ่นในฐานะพระภูมิเจ้าที่ที่เจว็ดหน้าศาลตั้งถาดผลไม้ มีมะพร้าวอ่อน ถั่ว งา มาตั้งบนโต๊ะลาดผ้าขาวด้วยท่านท้าวเป็นยักษ์สัมมาทิฏฐิไม่กินเสพของสดของคาวส่วนเหล้านั้นก็ไม่มี ด้วยว่า อสูร แปลว่า อ_สุรา คือว่า ไม่กินเหล้า ในขณะที่เหล่าลูกจีนมีหน้าที่เลี้ยงผีฮ้อเฮียตี๋ ซึ่งก็คือบรรดาผู้ไร้ญาติแต่เคยช่วยทำงานทำการกันมาก่อนเรียกว่ามีคุณอุดหนุนกันมาแต่หนหลัง ยามเมื่อตายลงยังล่อยลองไร้ทายาท ก็จะต้องจุดธูปเบิกทางที่ปากประตูรั้วทางเข้าสู่เขตบ้านซึ่งในเวลาหนึ่งอาจมีมากถึง 11 ประตูเป็นนัยยะขออนุญาตท่านผู้เฝ้าประตูที่เรียกกันว่าทวารบาลให้ฮ้อเฮียตี๋สามารถเข้าเขตบ้านได้ เชิญเขามากินโต๊ะที่จัดกับข้าวคาวหวานทั้งหมูแถบต้ม ไก่ต้ม ปลาหมึกแห้งเอาไปต้มกับหัวไชเท้าแล้วก็มีดอกกุยช่ายผัดตับหมู ข้าวนั้นใส่ถ้วย ปักธูปหนึ่งดอกที่อาหารทุกจานเสมอไป ตั้งเก้าอี้กลมไม่มีพนักรอบโต๊ะเครื่องสังเวยนั้นคะเนดูว่าเมื่อธูปหมดดอกจะนำข้าวสารผสมกับเกลือเม็ดโยนขึ้นไปบนหลังคาให้เสียงดังกราวๆ เป็นสัญญาณว่าหมดเวลาขอไล่ให้ฮ้อเฮียตี๋ (ฮ้อ_ดี / เฮีย_พี่ / ตี๋_น้อง = พี่น้องที่ดี) กลับออกไปได้แล้ว จากนั้นไปทำพิธีปิดทวารที่ประตูรอบรั้ว 
 

คนมีฝีมือนั้นทำไส้ขนมเทียนมีมิติ_ผสมถั่วบดหยาบปนถั่วบดละเอียดแล้วถึงผัดในน้ำมันหมูที่เจียวหอมแดงไว้ ใส่หมูสับที่รวนแยกมาต่างหาก ปรุงเค็มด้วยเกลือเม็ดสะตุและปรุงเผ็ดพริกไทยจันทบุรีบดสดใหม่ๆให้หอมร้อน จึงใส่ชิ้นฟักหั่นเต๋ารสแช่มชื่น

เด็กเยาวชนโดนให้ปั้นไส้เมื่อไรจากขนาดกลมมาตรฐานก็จะค่อยใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นทุกที ค่าที่อยากให้มันหมดไวไว คราวนี้แหละที่จะถูกเอ็ดจากแผนกหุ้มไส้ซึ่งต้องเสียเวลามายุบของใหญ่สองลูกให้เป็นศูนย์แล้วขยายให้ได้สามลูกมาตรฐาน ก่อนที่แผนกห่อจะเจียนใบตองทำเปนหางเต่า เอานวลซ่อนแล้วไขว้สองชั้นตั้งเป็นกรวยโดยเช็ดน้ำมันหมูที่ใบตองเสียก่อนเป็นทำการความสะอาดและเพื่อไม่ให้ขนมติดห่อจากนั้นพับให้ขึ้นเป็นทรงเพชรหน้าทั่งเหน็บหางเข้าที่ช่องพับแล้วจัดเรียงเอาไปนึ่งวันหนึ่งหนึ่งของเทศกาลจะต้องทำราว 3000 เพื่อถวายวัดและแบ่งปันผู้ญาติมิตร ซึ่งรอคอยการมาถึงของขนมวิเศษแรงงานชนิดนี้ เวลานั้นเห็นรถซีตรอง cx20 เพรสทีจมารอรับไปถวายวัด รถนี้ยาวมากยาวจนเลี้ยวหัวโค้งต้องถอยสองทีสื่อว่าของ 3000 นั้น ปริมาณเยอะจริงๆ
 

ถึงเวลาเก็บล้างจึงเป็นเรื่องหมดสนุก ไหนจะตะกร้อรองกระทงขนมเข่ง ไหนจะมันจากเคลือบมันหมูเศษใบตองและอื่นๆ 
 

วันนี้ที่ร้านเจียมจันทร์ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดนครไชยศรี ระหว่างรอจานหลักมาเสิร์ฟ เขาวางขนมเทียนทรงสวยเอาไว้ให้ หยิบมากินแล้วก็ให้ตาวาว_รฤกชาติถึงสูตรเก่าบ้านเราฝีมือยายขึ้นมาได้ในความทรงจำ ว่ารสนี้ละหนาคุณนายทองหอม อิ่มโอชา (เจ็งไซ่เฮียง) ท่านเปนคนว่าการทุกเวลายามตรุษสารท แม้จะอ่อนฟักเชื่อมไปหน่อยก็ตามเทอญฯ

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17  ฉบับที่ 3,713 วันที่ 12 - 15 กันยายน พ.ศ. 2564