ผักกาดหิ่น

18 ก.ย. 2564 | 04:54 น.

คอลัมน์อิ่ม_โอชาฯ โดย Joie de La Cuisine

มันเปนอีกผักที่กัดสดๆกับลาบกับยำแล้วเอร็ดอร่อยถึงใจเปนหนักหนา ด้วยว่าไอเย็นเผ็ดฉุนนั้นจะลอยขึ้นมากระทบฆานประสาท กัดกรอบเคี้ยวกร้วม ชุ่มด้วยรสสะอาดอมขมชมชื่น

 
หิ่นนี่แปลว่าไร? ใครจะสน? บางคนว่ากลิ่นบางคนว่าหอม ก็ช่างเถิด ยามงานมงคลมีลาบเป็ดรสดีมาวางลงแล้ว หาเพกา *ไม่มี_เรียกเอาผักกาดหิ่นมากินแนมเถิด
 

ลางคนว่าผักกาดหิ่นนี้แหละ วาซาบิของไทย_บร้ะ ค่าที่มันคล้ายนักกลิ่นฉุนเย็นหอม ยามเคี้ยวกินกลิ่นนี้เสียดแทงขึ้นจมูกเมื่อไร วัยรุ่นเขาเรียกมัน “ขึ้นสมอง” น้ำหูน้ำตาไหล ไล่หวัดไล่ไข้ดีนัก

วาซาบิของไทยมันมีมานานแล้ว เหล่ายี่ปุ่นยุ่นปี่เอามาปลูกในสายน้ำใสไหลจ่องจอยในเมืองลำพูนเราบัดเดี๋ยวนี้ หาได้ไม่ต้องลำบากลำบนไปหากินกันจากเมืองนอก
 

อนึ่งยามจะกินหัววาซาบิท่านยากูซ่าผู้มีฤทธิ์อำนาจ ท่านจะให้ฝนหัวมันเสียด้วยหนังปลาฉลาม
 

ปุ่มปมคมเล็กละเอียดแห่งหนังสัตว์ทะเลจอมพิฆาตนี้นั้นให้ฝนวาซาบินวลเนียนอณู พอเหมาะพอเจาะจะรับประทาน ซ้ำไม่ทำให้รสเสียไปจากการสัมผัสที่ขูดโลหะทองแดงอย่างของท่านโชกุนซึ่งบัดนี้ว่าการอย่างรัฐมนตรีในโลกยุคใหม่


ยี่ปุ่นว่าคนไทยชอบละลายวาซาบิของเขาเสียเปนครีมข้นในน้ำปลาถั่วโชวหยุ_เสียของ

เขาไม่อยากให้ละลาย มันเข้มข้นเกิน จิ้มอะไรจะหายอร่อยเสียหมด อาจจะด้วยว่ามันขึ้นจมูก ทำเอาสมองชาหายใจหายคอไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็ไม่ได้พูดว่าอะไรหาทางแก้ แค่จะบ่นไปเท่านั้นแลกระมัง
 

มาบัดนี้ อิ่ม_โอชาฯ joie de la cuisine ขอเสนอว่า-กินโค้กสิ กินสวนเข้าไปจังหวะวาซาบิขึ้นสมองเลย _หาย มันแก้กัน 
 

แก้กันได้เหมือนไปกินสุกี้หรือข้าวจีนแล้วรู้สึกแพ้ผงชูรส Chinese food syndrome แก้ได้โดยกระดกเบอร์ดี้สีแดงหนึ่งกระปุกกระป๋อง เท่านั้นแหละ_หาย ง้ายง่ายฯ ไปลองอ่านชื่อผู้ผลิตดูท้ายกระป๋องแล้วจะเข้าใจ
 

{*ฝักเพกา_บ่าลิดไม้นั้น ย่างไฟสุกขูดผิวไหม้ได้รสขมนวลนัวเรียกน้ำย่อยอร่อยปากเอร็ดคอ ตามที่เล่าไว้แล้วในตอนที่ 42 ชื่อว่า ลาบเมือง_ขันโตกและเพกาบ่าลิดไม้}


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,715 วันที่ 19 - 22 กันยายน พ.ศ. 2564