แต่ไหนแต่ไรมา ผู้มีเกียรติยศเขาไม่เรียกราคาตัวเอง จะให้ไปไหนมาไหนทำอะไรอย่างไร เปนเรื่องเจ้าภาพต้องขวนขวายเตรียมตัวหาเงินใส่ซอง ‘สมนาคุณ’ไว้ให้เรียบร้อย
ต่อมาภายหลัง อีพวกเจ้าภาพก็คิดหากำไรจากท่านผู้มีเกียรติที่เชิญไปในงาน อาศัยว่าเงินอยู่ในซองใครจะเห็นเล่า? ก็ขนาดผู้มีเกียรติรับซองไปยังไม่แหวกแหกซองดูด้วยซ้ำ
กระมิดกระเมี้ยนยื่นหยิบหมับรับเข้าอกเสื้อ กลับไปบ้านโน่นแหละถึงเปิดดู นาฑีนั้นก็พลันสายไป เพราะทุกคนทุกฝ่ายแยกย้ายกันหมดแล้ว เคยเจอเหมือนกันครั้งหนึ่งเขาให้ซอง ทว่าซองนั้นเป็นซองเปล่า ปิดผนึกอย่างดี แต่ว่าไม่มีเงินบัตรเงินเหรียญประจุอยู่ในนั้น_เวร เรียกกันว่าปล้นราคาแห่งเกียรติกันอย่างแนบเนียนsmooth criminal เสียรู้เพราะความกระมิดกระเมี้ยน
มหาไพรวัลย์ที่ใครๆกล่าวหาว่าหิวแสงนั่นก็โดน เขาใส่ซองให้สี่พัน เอาเอกสารมาให้เซ็นรับเงิน, ด้วยห่วงกิริยาอันจีวรห่มอยู่ในสมณเพศ, เพื่อไม่เสียอาการละโมบที่มาในรูปการตรวจสอบ มหาก็เซ็นลอยๆไปในกระดาษเกือบเปล่า สุดท้ายมารู้ภายหลังว่าเขาตั้งเบิกสี่หมื่น เงินหายไปตั้ง 90 เปอร์เซ็นต์_กลับถึงวัดก็บางอ้อ: อ้อ_เล่นกันยังงี้!
55 ลายเซ็นคนดังมันก็_นะ มีราคาดังนั้นแหละ
เอ่ แล้วทีนี้มันจะเรียกเงินทอนวัดไหมนะ? _55
ในอเมริกาเขาแก้ปัญหากันเสียโดยมีตัวแทน_Agent เปนเอเย่นต์ของคนดังๆ ทำหน้าที่ front_er คอย ‘รับหน้าเสื่อ’ ให้คนข้างหลัง
อย่างกรณีสองสามีภริยา นักการเมืองชื่อดัง USA อย่างอดีตประธานาธิบดีคลินตัน และนางฮิลแลรี่ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งนั่นก็ใช่ หมดวาระหน้าที่ทางการเมืองแล้ว ยังดังค้างฟ้าอยู่ _ก็แหม่ดาวฤกษ์น่ะนะ มีแสงในตัวเอง
เขาใช้บริการ เอเยนซี่ ชื่อเจ้าแฮรี่ วอล์คเกอร์ ใครจะจัดโหงกจัดงานอะไร อยากได้สองสามีภริยาไปเปนแม่เหล็กดึงดูดผู้คนให้มาร่วมงาน ต้องจ่ายตามราคาตั้ง, ห้ามมั่วๆใส่ซอง
การปรากฏตัวในงานเลี้ยงโดยให้กล่าวปาฐกถา ฮิลแลรี่, โดย เอเย่น วอล์คเกอร์, ปูเสื่อเรียกราคาเกียรติยศ Honorarium ที่ $300,000, ใช่ล่ะราว 10 ล้านบาทอยู่ในงาน 90 นาที
อีอันนี้เขาเรียกว่า rack rate ตามภาษาโรงแรมคือว่าราคาหน้าตั๋ว ยังไม่มีส่วนลด ใครเปนฝ่ายจัดซื้อก็ต้องทำ strategic sourcing เปิดยุทธการแสวงหาทางเลือก เพื่อต่อรองราคา
อันฝ่ายจัดซื้อที่ว่านี่ก็ไปค้นสืบดูเรื่องเก่าๆจึงรู้ว่า เอ้า_ขนาดสามี พ่อบิล คลินตัน ชั้นประธานาธิบดียังมีค่าราคาที่ $250,000 เองเงินหายไปตั้ง ล้านห้า(แสนบาท) ! เอเย่นซี่บอกว่างั้นก็ได้ เอาค่า Honฯ ไป $225,000 ก็แล้วกัน จากนั้นก็ส่ง ลิสต์รายการเงื่อนไขปฏิบัติงานยาวเหยียดมาให้เพิ่ม
ท่านฮิลแลรี่ ร็อดแฮล์มคลินตัน จะเดินทางจากนิวยอร์คไปยัง เนวาด้าสถานที่จัดงาน ด้วยเครื่องเจ็ตกัลฟ์สตรีมรุ่น 450 ขึ้นไปเท่านั้น ห้องพักของท่านต้องหกดาว เเละเปน ‘ห้องชุด’ presi dential suite เสมอไป ท่านมีคณะติดตาม 5 คน ต้องพักห้อง adjoint -ติดกัน อาหารการกินและเบี้ยเลี้ยงเจ้าภาพต้องออกให้หัวหน้าคณะผู้ติดตาม ต้องได้พิเศษวันละ $500
แต่ก็นั่นล่ะจ่ายครบแล้วมันจบที่ไหนกัน ใครจะถ่ายรูปกับอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ให้จัดคิวมาเปนพิเศษห้ามเกิน 100 คน แต่รูปถ่ายที่ว่า 100 คนนั้น ห้ามเกิน 50 รูป!
บนเวทีปาฐกจะต้องมีเธอเพียงคนเดียวห้ามมีคนอื่นแสดงตัวมันแย่งซีน ส่วนคำปาฐกปราศรัยนั้นห้ามบันทึกวีดีโอ หรืออัดเสียง เพราะมันไม่แฟร์กับคนซื้อบัตรเข้ามาฟัง โต๊ะหนึ่งๆนั่นซื้อกันต้องหมื่นดอลล่าร์ อนุญาตแต่เพียงว่าให้จดชวเลข shorthand ได้ สิทธิ์ต่างๆในต้นฉบับคำปราถกปราศรัยนี้ เปนของเธอแต่ผู้เดียว ถอดชวเลขแล้วให้นำส่งเธอ ส่วนค่าจ้างนักชวเลข_เจ้าภาพจ่าย
ฮิลแลรี่ ไดแอน ร็อดแฮม คลินตัน บิดาชื่อ ฮิวจ์ เอลส์เวิร์ท ร็อดแฮม มารดาชื่อโดโรธี เอ็มม่า โฮเวลล์ บิดาเปนเจ้าของธุรกิจสิ่งทอขนาดเล็ก ส่วนมารดาเปนแม่บ้าน สำเร็จการศึกษาด้านรัฐศาสตร์จากวิทยาลัยสตรีเวลเลสลีย์ ได้รับเกียรตินิยม มาต่อกฎหมายที่มหาวิทยาลัยระดับไอวี่ลีค คือเยล ซึ่งบิล คลินตัน ผู้สามีขณะนั้นก็เรียนกฎหมายที่เยลเหมือนกัน ทั้งคู่แต่งงานกันตั้งแต่ปี 1975
ใช้เวลาโลดแล่นบนโลกการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นระดับชาติและระดับโลกมาเปนเวลาเนิ่นนานว่าการหลายกระทรวง และเกือบได้เปนประธานาธิบดีแต่เอาชนะโอบาม่าและทรัมป์ไม่สำเร็จ
แต่ที่แน่ๆความสำเร็จจากประดาค่า Honorarium เหล่านี้ทำเอาสองสามีภริยามีบ้านใหญ่ในที่ดินแพงระยับแห่งนิวยอร์คได้ตั้งสามหลัง! ทั้งๆที่ตอนหมดวาระออกจากทำเนียบขาว ฮิลแลรี่เองน่ะแหละรำพึงแก่นักข่าวว่า ประธานาธิบดีผู้สามีนั้นถังแตก มีหนี้มีสินรอให้ชำระอยู่เปนพะเรอเกวียน!!
ก็ ไม่ต้องถามกันแล้ว ว่าจะใส่ซองเท่าไหร่ดีฯ
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,719 วันที่ 3 - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2564