สังขารผมวันนี้ 152-151-150 เดี๋ยวนะ ไอ้เจ้าตัวเลขทั้งสามนั่น มันไม่ใช่สัดส่วน อก เอว ก้น มันคือ ระดับความสูง ของผมนั่นเอง (ฮา) ปกติจะสูง 152 ซ.ม. สิบปีผ่านไป วัดได้ 151 ซ.ม. อีกสิบปีต่อมา วัดส่วนไม่สูงได้ 150 ซ.ม. (ฮา) หมอสรุปตีกินทันทีว่า “แสดงว่า คุณนั่งหลังโก่งเล่นคอมมาหลายปี กระดูกหลังแต่ละข้อคล้ายหมวกกะโล่ เวลากระดูกหลังโก่งงอ ขอบกระดูกจะบดกันเองจนกร่อนทำให้กระดูกร่น ถ้าคุณอายุยืน 1,000 ปี วันนั้นคุณจะสูงเพียง 56 ซ.ม.” (ฮา)
ผมนิสัยเสียตรงที่ขี้เกียจที่จะย้ายสังขารไปกินฟรีไกลบ้าน แต่ผมไม่เคยย่อท้อในการย้ายสังขารไปดูหนัง ดูไปเก็บมุกไปได้ซีนเด็ดไว้เล่าต่อ ผมแปล Mindset แหกคอกว่า ชุดความเชื่อ วาทกรรมสั่งเสียในเรื่อง “เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน” หรือ “ผ่าสมรภูมินรก” ที่ผู้แต่งเรื่องจงใจเขียนบทใส่ไว้ก่อนจะจบเรื่อง เขามีความประสงค์สองข้อ ข้อแรก สะกิดใจให้ผู้ชมพิจารณาตนเอง ข้อสอง ถ้าไม่รีบเขียนบทใส่ไว้ก่อนจะจบเรื่องก็จะไม่มีโอกาสสั่งเสียเพราะเรื่องมันจบซะแล้ว (ฮา)
เรื่องย่อมีอยู่ว่า ราชการทหารได้มีคำสั่งให้หน่วยกล้าตายเสี่ยงตายบุกเข้าไปปฏิบัติภารกิจพิเศษในพื้นที่ซึ่งมีการสู้รบกันอยู่ หน้าที่หลักคือให้ออกตามหาตัว เจมส์ ไรอัน ให้เจอ พบตัวปุ๊บก็ให้อุ้มจับสวมถุงดำนำตัวออกจากสรภูมิ (ฮา)
ผู้บริหารของกองทัพห่วงว่า ถ้า แม่ สูญเสีย เจมส์ ไรอัน ซ้ำรอยเช่นเดียวกับ ลูกชาย 3 คน มันจะเป็นโศกนาฏกรรมในครอบครัวไรอัน ชาวบ้านก็จะเสียขวัญจนถึงขั้นไม่ยอมให้ลูกชายเข้าร่วมสู้รบรับใช้ชาติก็เป็นไปได้
กัปตันทีม จอห์น มิลเลอร์ กับทหารลูกทีมอีก 7 คน ตะลุยฝ่าดงกระสุนตามเสาะหาจนเจอตัวแต่ เจมส์ ไรอัน แกกินใบคฤหาสน์จึงมึนหนักกว่าเคี้ยวใบกระท่อม (ฮา) แกจึงย้อนว่า “ทำไมให้อภิสิทธิ์ผมคนเดียว พลทหารคนอื่นๆ ก็ตกที่นั่งลำบากเหมือนผม ทำไมถึงไม่ได้รับการยกเว้น” กัปตันทีม จอห์น มิลเลอร์ กับ ทหารลูกทีมอีก 7 คน จึงจำใจอยู่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ เจมส์ ไรอัน เพื่อคอยปกป้องชีวิต จนกว่าการสู้รบจะจบ
ในที่สุด กัปตันทีม กับ ทหารลูกทีมอีก 7 คน ก็เสียท่าอำลาโลกทั้ง 8 นาย จอห์น มิลเลอร์ ได้ สั่งเสีย เจมส์ ไรอัน ก่อนจะสิ้นลมว่า “อยู่ให้คุ้มนะ..เจมส์ เรา..ลงทุน กับเธอ เอาไว้ มาก..ก..ก” แปลเป็นภาษาพลเมืองว่า “ทำดีให้สุดนะ..เธอ Gen ไดโนเสาร์ เปลืองตังค์ลงทุนกับเธอ เอาไว้อื้อเลย…” (ฮา)
คุ้ม คือ สมดุลกับทุนที่ลงไว้ คุณภาพปัง ปริมาณปั๊วะ ทุนไม่ปลิ้น มูลค่าเพิ่มปรี๊ด ความเสถียรเป๊ะ
พระนางสามาวดี พระมเหสีของพระเจ้าอุเทน นครโกสัมพี เลื่อมใสการแสดงธรรมของพระอานนท์ จึงถวายผ้าจำนวน 500 ผืน แด่ พระอานนท์ เมื่อ พระเจ้าอุเทน ทรงเพ่งโทษว่า “จักทำการค้าขายผ้าหรือ?” ครั้นเมื่อได้โอกาสจึงทรงมีพระราชปฏิสันถาร นมัสการ ปุจฉา-วิสัชนา กับ พระอานนท์
พระเจ้าอุเทน “ท่านจะเอาผ้า 500 ผืนไปทำอะไร”
พระอานนท์ “อาตมาจะเอาไปแจกให้พระที่มีจีวรเก่าคร่ำคร่า”
พระเจ้าอุเทน “จีวรเก่าคร่ำคร่า จะเอาไปทำอะไร”
พระอานนท์ “อาตมาจะเอาไปทำผ้าดาดเพดาน”
พระเจ้าอุเทน “ผ้าดาดเพดานเก่า จะเอาไปทำอะไร”
พระอานนท์ “อาตมาจะเอาไปทำผ้าปูฟูก”
พระเจ้าอุเทน “ผ้าปูฟูกเก่า จะเอาไปทำอะไร”
พระอานนท์ “อาตมาจะเอาไปทำผ้าปูพื้น”
พระเจ้าอุเทน “ผ้าปูพื้นเก่า จะเอาไปทำอะไร”
พระอานนท์ “อาตมาจะเอาไปทำผ้าเช็ดเท้า”
พระเจ้าอุเทน “ผ้าเช็ดเท้าเก่า จะเอาไปทำอะไร”
พระอานนท์ “อาตมาจะเอาไปทำผ้าเช็ดธุลี”
พระเจ้าอุเทน “ผ้าเช็ดธุลีเก่า จะเอาไปทำอะไร”
พระอานนท์ “อาตมาจะเอาไปโขลกขยำโคลนแล้วฉาบทาฝา”
พระเจ้าอุเทน ฟังแล้วเลื่อมใส จึงทรงถวายผ้าแด่ พระอานนท์ อีก 500 ผืน [ฮา]
ชีวิตคน 1 ปี ใช้เงินเลี้ยงตัวราว 100,000 บาท ผ่านไปแต่ละปีเรา “ทำดี” เท่าทุน หรือยัง?