เคยถกกันว่า ผี มีจริงหรือเปล่า คนที่เชื่อเขาขอให้เราอาบน้ำแล้วแต่งตัวในชุดสบายไม่อึดอัดเผื่อว่าจะได้วิ่งสะดวกในยามดึก (ฮา) เขาบอกว่าไม่ได้ขู่ แค่แนะนำเผื่อๆ เอาไว้ก่อน แม้จะไม่ศรัทธาแต่ก่อนจะนอนจงฝีนใจสวดมนต์ไหว้พระซะก่อน จากนั้นก็พนมมือปรารภคำขอต่อหน้าพระว่า
“ข้าพเจ้า ไม่มีความรู้เกี่ยวกับผีสางนางไม้ ไม่มีเจตนาจะลบหลู่หรือลองของอะไรใดใดทั้งสิ้น เพียงแค่อยากจะรู้ว่า ผีมีจริงหรือเปล่า ถ้าในห้องที่ ข้าพเจ้า อาศัย มีผีอยู่จริง ได้โปรดปรากฏตัวให้ ข้าพเจ้า เห็น จะได้หายสงสัย คืนนี้ขอแค่ Teaser คือ ยั่วเย้าสักหกสิบวิก็พอ ไม่ต้องนำเสนอ Trailer คือ อย่านำเสนอย้าวยาวเขย่าห้องจนครบหลักสูตร” (ฮา)
เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้รุ่นพี่ฟัง เขาเคยเป็นอาจารย์อยู่ที่ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย สามพราน นครปฐม พี่เขาเล่าว่า เคยมี นักเรียน ม.1 ไปวิ่งเล่นส่งเสียงเอะอะอยู่ใกล้ศาลพระภูมิ ซึ่งอยู่ใกล้กับริมคลองโรงเรียนได้ทำรั้วกั้นไว้จะได้ไม่มีใครตกน้ำตกท่า
ตกดึก นักเรียนคนนั้นก็ฝันว่า มีผู้ชายสูงวัยแต่งชุดขาว เดินเข้ามาเตือนว่า “ที่ตรงนี้ต้องการความสงบ โรงเรียนเขาจัดที่วิ่งเล่นไว้ให้แล้วก็ควรจะไปเล่นกันตรงโน้น เมื่อเธอรู้แล้วว่าเสียมารยาทก็ควรจะรู้จักขอขมาลาโทษ!”
ท่านเข้าฝันมาเตือนซ้ำกันถึงสามครั้ง แต่เด็กไม่เชื่อเพราะคิดว่าเขาคงจะดูละครทีวีช่วงเช้าเสาร์อาทิตย์ แล้วเอาไปฝันกลางคืนเป็นตุเป็นตะจึงไม่สนใจ ผลปรากฏว่า อวัยวะเพศบวมทำให้เดินไม่ถนัด จะทานยากี่ขนานก็ไม่หาย อาจารย์รุ่นบุกเบิกก็แนะนำผู้ปกครองให้เด็กคนนั้นรีบไปแก้ไข 2 อย่าง
หนึ่ง ขอขมาโดยไม่ต้องมีของถวาย สอง เด็กต้องบวชถวายหนึ่งพรรษา หลังจากนั้นอาการก็ทุเลาหายเป็นปกติ!
ผมเอาไปเล่าต่อในห้องสัมมนาว่า ถ้าใครอยากจะรู้ว่า ผีมีจริงไหม ลองปัสสาวะใส่ขวดแล้วก็เอาไปรดเสาศาลพระภูมิที่นั่นดูสักครั้ง ผู้ร่วมสัมมนายิงมุกสวนมาทันควันว่า “ผมว่าดีนะครับ ใครที่อยากจะเพิ่มขนาดจรวด ควรจะไปที่นั่น ราคาถูกกว่าไปเกาหลีนะครับ!” (ฮา) ผมก็ขำนะ ใจหนึ่งก็อยากให้เขาลองดูสักดอกเหมือนกัน
ผมมั่นใจชัวร์เลยว่า ความจริงเชิงประจักษ์ได้ข้อสรุปเร็วกว่าการเล่าให้ฟังกลางอากาศ
เอางี้ ผมขออ้างอิง เนื้อหา และ ถ้อยคำ บทสวด รัตนสูตร ให้นำไปจินตนาการ ความหมายย่อหน้านี้ซึ่งเป็นย่อหน้าแรกของบทสวด ขึ้นต้นปุ๊บก็ใช้ หมัดธรรม อีหลี แย็ป กระโดงสมอง เล่นเอาหมู่ภูติผีปีศาจวงแตกฮือ
“หมู่ภูตประจำถิ่นเหล่าใดประชุมกันแล้วในนครนี้ก็ดี เหล่าใดประชุมกันแล้วในอากาศก็ดี ขอหมู่ภูตทั้งปวงจงเป็นผู้ดีใจและจงฟังภาษิตโดยเคารพ เพราะเหตุนั้นแล ท่านภูตทั้งปวงจงตั้งใจฟัง กระทำไมตรีจิต ในหมู่มนุษยชาติ ประชุมชนมนุษย์เหล่าใด ย่อมทำบัดพลีสังเวยทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่ประมาท รักษาหมู่มนุษย์เหล่านั้น!”
ใครที่เชื่ออยู่แล้วว่า ผีมีจริง! เจอข้อมูลย่อหน้านี้คงจะปลื้มไม่ใช่น้อยว่า ใช่…เลย! ถ้าเราคิดข้ามช็อตจะได้แง่มุมสุดจี๊ดเอาไว้เล่าในห้องสัมมนาได้ว่า ผี ไม่ควรอกตัญญูกับคนที่ตั้งเครื่องเซ่นไหว้ฉันใด เราทั้งหลายก็ไม่ควรอกตัญญูต่อผู้อื่นที่มีส่วนชุบเลี้ยงชี้แนะแก้ไขนำพาให้เรารุดหน้าไปเก็บเกี่ยวประโยชน์สุขฉันนั้น
ตัวอย่างและข้อสรุปหลายแง่มุมล้วนเป็น Mind คือ “จิต” มีแง่คิดผูกกันเป็น Set คือ “ชุด” จิตที่รับรู้แง่คิดใดซ้ำกันหลายครั้งจะเริ่มบันทึกไว้เป็นต้นแบบเอาไว้วัดว่า ข้อมูลอื่นที่ทยอยกันเข้ามามีเรื่องใดที่มีผล
สอดคล้องว่า แบบนั้นดี แบบนี้แย่ จิตก็จดจำว่า ฉัน เห็นด้วย กับ เห็นต่าง อย่างนั้นอย่างนี้ ด้วยเหตุนี้แหละ
ผมจึง นิยาม แปลว่า การกำหนด คือ กำหนดทิศทางความหมายของ Mindset ว่า ชุดความเชื่อ ไม่งั้น เขาคงไม่พูดกันว่า สินค้านี้ไว้ใจได้ไหม พนักงานคนนั้นวางใจได้หรือ
พูดกันมานานจัดว่า คนเราจะรวยได้ต้องอาศัย เก่ง ผสม เฮง ถ้าเอาไม่อยู่ก็ต้อง พึ่งพาบุญกุศลเปิดทาง ถ้ายังหืดขึ้นคอก็ต้องอาศัย ผีคุ้ม คนโบราณก็กล่าวขานเอาไว้เช่นกัน ว่า คนดีผีคุ้ม ใครที่ไม่เคยทำบุญกรวดน้ำให้ผีแล้วผีที่ไหนเขาจะมาคุ้ม ที่ไม่เคยแผ่ให้ผีไม่ใช่ไม่มีน้ำใจแต่เป็นเพราะไม่เชื่อว่าผีมีจริง ผมจะดีใจมากถ้ามี วิทยากร ท่านใดไม่เชื่อเรื่องผี ผี ที่ว่า คือ ท่านพระภูมิเจ้าที่ โอม! ลูกค้าสายผีจงแห่มาเชิญผมผู้เดียว (ฮา)
วัยเด็กบ้านผมอาศัยอยู่ในสวน พ่อแม่กับผมกางมุ้งยักษ์นอนริมระเบียง ทางเข้าออกมีเพียงประตูเดียวนอกนั้นกั้นรั้วทุกทิศ ผมตื่นขึ้นมาคนเดียวตอนตีสาม ผู้ชายหุ่นสูงใหญ่เดินช้าๆ ดิ่งจากในสวนตรงมาหาเราที่มุ้ง เดินเข้ามาใกล้ก็เห็นชัดๆ ว่าหน้าตาเหมือนยักษ์ ผมจ้องตาเขา เขาจ้องตาผม ตาเขาไม่กระพริบแม้แต่ครั้งเดียว เขาเดินเลยระเบียงแล้วหายไปเฉยๆ
ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่า เมื่อคืนโน้นในปีโน้นผมเจออะไร?