“TRUE & DTAC” ระวังแค่เกมปั่นราคา!

30 พ.ย. 2564 | 23:35 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

*** สำหรับตลาดหุ้นไม่มีอะไรแน่นอน ลงได้..ก็ขึ้นได้ ขอเพียงแค่จับจังหวะ หรือ วิเคราะห์ข้อมูลที่มี เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ก็พอ…
    

กรณีเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” ที่กลับมาระบาดไปทั่วโลก กลายเป็นจังหวะทำให้ตลาดหุ้นไทย ต้องปรับฐานใหม่ไปด้วย โดยกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ หุ้นกลุ่ม Reopening รวมถึงหุ้นที่ราคาวิ่งทะลุแรง...เร็ว หลังกระแสโควิดคลี่คลาย เช่น หุ้นธนาคารใหญ่ หุ้นสนามบินและสายการบิน หุ้นโรงแรม ขณะที่กลุ่มหุ้นที่เคยได้อานิสงส์จากการระบาดของเชื้อโควิด กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

ดังนั้นคำพูดที่ว่า “กล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว...กลัวในเวลาที่คนอื่นกล้า” จึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้เสมอ อย่างน้อยที่สุด วิกฤตการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นมาหลายรอบแล้วเจ้าค่ะ
 

*** มีนักลงทุนถามมาว่าหุ้นครอบครัว STA & STGT  ยังน่าสนใจในการลงทุนอยู่อีกหรือไม่...เจ๊เมาธ์ อยากจะบอกว่า ต้องแยกกันระหว่างความน่าสนใจตามกระแส และผลการดำเนินงาน ออกจากกัน  เห็นชัดเจนแล้วว่า การระบาดของเชื้อโควิดกำลังเป็นขาลงอย่างชัดเจน...

ขณะที่ผลดำเนินงานของ STA ดูเหมือนว่า ทิศทางของรายได้และกำไร ยังไปได้ดีเช่นเดิม เนื่องจากมีตลาดและกลุ่มลูกค้าให้เล่นได้มากกว่า  


ส่วน STGT แม้จะมีคำสั่งซื้อสินค้ายาวไปจนถึงกลางปี 2565 แต่ตัวเลขในทางบัญชีทั้งแง่ของ “รายได้-กำไร” ดูเหมือนจะอยู่ในทิศทางขาลง เพราะราคาสินค้าถูกปรับลงตามจำนวนของคู่แข่งและความต้องการของตลาด
  

ดังนั้น หากต้องการลงทุนในหุ้น STA หรือ STGT ขอแนะนำว่า ควรต้องหาจังหวะที่ราคาหุ้นย่อตัวลงให้ได้นะคะ สำหรับหุ้นพ่วงคู่นี้ ค่าพีอี ไม่สามารถชี้วัดอนาคตได้ดอกเจ้าค่ะ
 

*** กลับมาประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ การตั้งราคารับซื้อหุ้นของ TRUE ที่ราคาหุ้นละ 5.09 บาท และ DTAC ในราคาหุ้นละ 47.76 บาท เสมือนว่า ไม่ใครก็ใครแหละเจ้าค่ะ มีความเป็นไปได้ว่า อาจจงใจ “ยกระดับราคา” ตลอดจนอาจนำไปสู่การ “ปั่นราคา” ของหุ้นทั้งสองตัวขึ้นมา เนื่องจากราคาที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าระดับนี้ เป็นราคาที่สูงกว่า ราคาหุ้นหน้ากระดานในปัจจุบันอยู่มากโขเชียวแหละ... 
 

อย่าลืมว่า การแถลงข่าว “ควบรวมกิจการ” ของ TRUE และ DTAC เป็นเพียงเรื่องของ MOU หรือการลงนามใน “บันทึกความเข้าใจ” เท่านั้น มิใช่สัญญาที่จะผิดจากนี้มิใช่โดยเด็ดขาดเสียเมื่อไหร่ เพราะจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า “การควบรวม” แบบพันธมิตรที่ว่านี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ 
 

และโปรดอย่าลืมว่า การรวมกิจการของ TRUE และ DTAC อาจทำให้เกิดปัญหาการ “ครอบงำตลาด” จนทำให้ต้องมีเรื่องของกฎหมายและเรื่องกฎระเบียบของ กสทช. เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเมื่อจำนวนผู้ประกอบการลงจาก 3 รายเหลือ 2 ราย คือทาง AIS กับ TRUE+DTAC ในขณะที่จำนวนลูกค้าผู้ใช้บริการมีจำนวนเท่าเดิม 
 

ดังนั้น ถ้ามีปัญหาว่า ทั้ง TRUE และ DTAC ไม่สามารถรวมตัวกันได้ งานนี้ต้อง “ตัวใครตัวมัน” โดยทั้ง TRUE และ DTAC คงแยกทางกันเดิน ส่วนนักลงทุนที่เดินตามเกมสร้างราคา หรือ อาจทำให้มือดีนำไปสู่การปั่นราคา คงต้องหาทางลงดอยกันเองนะเจ้าค่ะ


*** เมื่อไม่มีใครทำอะไรได้ DELTA ยังคงเดินอยู่ในหุ้นกลุ่ม SET50 และ SET100 ได้อย่างสง่างาม เฮ้อ...มันก็อย่างว่า การตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง มันกลายเป็นเรื่องของการ  “หยิกเล็บ...เจ็บเนื้อ”  ถ้าลงโทษหรือลงดาบกับ DELTA มันส่งผลกระทบกับหุ้นตัวอื่น บางครั้งอาจจะได้ยินเสียงขู่บ้าง...คำรามบ้างออกมา เอาเป็นว่า ทำกันแค่พอเป็นพิธี เพราะสุดท้าย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น 
 

แหม !!! มันทำอะไรไม่ได้จริงๆ นี่นา เรื่องมันก็มีแค่นี้เองเจ้าค่ะ


** เจ๊เมาธ์อยากให้จับตาดูหุ้น LEO เอาไว้ให้ดี เพราะจากนี้ไป เรื่องของการซื้อสินค้าออนไลน์ และการขนส่งสินค้าจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน กรณีของ LEO ดูเหมือนว่า จะมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ M&A กับคู่ค้ารายใหญ่ที่กำลังจะจบลงแบบมีความสุขกันทั้งสองฝ่าย แต่จะควบรวมกิจการกับใคร เจ๊เมาธ์ ขออุบไต๋ไว้ก่อนนะเธอ...
 

พ้นจากเรื่องควบกิจการก็มีเรื่องของโอกาสในการเพิ่มช่องทางการขนส่งสินค้าทางรางผ่านรถไฟฟ้าความเร็วสูงลาว-จีน ที่มีกลุ่ม China Post Yunnan ที่เป็นพันธมิตรของ LEO อยู่ในปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน Operator และต้องการผลักดันให้ LEO เข้ามามีบทบาทในการขนส่งทางรางแบบเต็มตัว
  

เอาเป็นว่า ไม่ต้องพูดกันให้มากความนะเจ้าค่ะ เดี๊ยนขอให้จับตาดู LEO ก็แล้วกันค่ะ กลิ่นออกมาว่าน่าจะมีอะไรดี! 


หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,736 วันที่ 2- 4 ธันวาคม พ.ศ. 2564