ผ่านไปอีกหนึ่งปีครับ ปีเก่าผ่านพ้นไปอย่างทุลักทุเล ปีใหม่กำลังเข้ามาแล้วครับ คนที่อยู่ในวัยสูงอายุทั้งหลาย ก็มักจะมีความรู้สึกว่า วันเวลาช่างผ่านมาอย่างรวดเร็วเสมอครับ ในวันขึ้นปีใหม่นี้ ก่อนอื่นต้องขออวยพรให้แฟนคลับ ที่เป็นผู้สูงวัยในสไตล์ของคนแก่อีกคนว่า “ขอให้ทุกท่านจงมีแต่สุขภาพพลานามัยแข็งแรง มีความสุขในวันเวลาที่ยังเหลืออยู่ครับ” และต้องขออนุญาตทำตัวเป็นคนแก่อีกครั้งนะครับ เพื่ออวยพรให้คนรุ่นหนุ่มรุ่นสาว และคนที่คิดว่าตนเองยังหนุ่มสาวอยู่ว่า “ สิ่งใดที่ไม่ดีในปีเก่า ขอให้หมดสิ้นไปกับปีที่ผ่านมา ขอคุณพระศรีรัตนตรัย จงอำนวยพรให้ปีใหม่นี้ จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ร่ำรวยเงินทอง โรคภัยอย่าได้แผ้วพาน ตลอดปีนี้เทอญ”
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักจะไม่ค่อยตื่นเต้นกับวันขึ้นปีใหม่กันมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าผ่านวันขึ้นปีใหม่มาแล้วหลายครั้ง จนทำให้รู้สึกว่า ก็เป็นแค่วันๆหนึ่ง ที่เป็นวันหยุด เป็นวันที่เราเองและลูกหลานไม่ต้องไปทำงานเท่านั้น ในส่วนตัวผมเอง ผมคิดว่าน่าจะเป็นวันที่เตือนใจเราว่า เราแก่ขึ้นไปอีกปีแล้วนะ สภาพร่างกายของเราเอง ที่ใช้มันมาหกสิบกว่าปี คงต้องหาเวลาไปตรวจสภาพกันหน่อยแล้ว เพราะร่างกายเราก็เหมือนเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง ที่จำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุงบ้าง จึงตั้งใจว่าจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสักวันหนึ่ง แล้วก็จะหยุดพักอยู่กับบ้านให้สบายๆ ออกไปหาอาหารหรือติ่มซำอร่อยๆทานกันกับครอบครัว แล้วค่อยมาเริ่มชีวิตในการต่อสู้ต่อไปครับ
ในฐานะที่ผมก็นับว่าเป็นผู้สูงวัยแล้ว จึงอยากจะแชร์ความรู้สึกของเหล่าผู้สูงวัยให้กับคนรุ่นหลังสักนิดนะครับ ผมเชื่อว่าผู้สูงอายุหลายๆท่าน ที่ใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน ทุกเทศกาลวันหยุด สิ่งที่รอคอยและสามารถสร้างความสุขให้แก่ผู้สูงอายุได้อย่างง่ายๆ คือการที่ลูกหลานพาท่านออกไปทานอาหารนอกบ้านนี่แหละครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องหรูหราก็สามารถทำได้ เพราะส่วนใหญ่ของผู้สูงวัย ก็อยากจะเห็นลูกหลานที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตานี่แหละครับ อาหารอร่อยหรือไม่ คงไม่ใช่เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะแก่ตัวแล้วอาหารก็ทานได้ไม่เยอะแล้วครับ
ส่วนในสถานบ้านพักผู้สูงวัยทั้งหลาย เขามักจะมีการจัดงานสังสรรค์ให้แก่ผู้สูงวัยในวันเทศกาล วัตถุประสงค์หลัก ไม่ใช่อยากจะให้ผู้สูงวัยสนุกสนานเหมือนตอนเป็นเด็กๆหรอกครับ ผมเชื่อว่าวัตถุประสงค์หลัก น่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศให้ผู้สูงวัยทั้งหลาย ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนวัยเกษียณเหล่านั้น ไม่ให้เกิดความว้าเหว่มากกว่า เหตุผลหลักน่าจะเป็นเพราะว่า เมื่อมีวันเทศกาลมาถึง ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะคิดถึงวันเวลาในอดีต ที่มีบรรยากาศของความหลังเสมอ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงต้องมีกิจกรรมต่างๆให้เกิดความสุขแก่ผู้ที่มาพักอยู่นั่นเองครับ
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปจังหวัดเชียงราย ก็มีเพื่อนเก่าสมัยเรียนอยู่บนดอยแม่สะลองหลายคน มานั่งล้อมวงทานอาหารเช้าด้วยกัน แต่ละคนก็ดูสูงวัยกันไปหมด เรื่องที่นำมาพูดคุยในวงเสวนา ก็จะมีเรื่องอดีตที่ผ่านมาเป็นส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่เราได้มีโอกาสระลึกถึงความหลังกัน แต่ต้องนานๆครั้งนะครับ ในความคิดของผม ถ้าพูดคุยกันด้วยเรื่องราวในอดีตบ่อยจนเกินไป ก็จะทำให้ความคิดของเราจมปลักอยู่กับอดีตเสมอ คนที่มีแต่เรื่องในอดีตไม่มีเรื่องในอนาคต มักจะแก่เร็วกว่าปกติ ดังนั้นผมจึงขอให้พวกเราที่เป็นผู้สูงอายุทั้งหลาย ปีใหม่นี้ทดลองหาสิ่งใหม่ๆทำดู และทดลองอ้าแขนเปิดสมองรับความรู้หรือวิวัฒนาการใหม่ๆดูนะครับ เรียนรู้อะไรก็ได้ ที่เราคิดว่าไม่ได้ยากจนเกินไป เพราะถ้ายากเกินกว่าจะรับได้ อาจจะเกิดความเครียดได้ เอาแค่พอประมาณว่า สมองรับได้ก็พอ แล้วจะทำให้ผู้สูงวัยอย่างเราได้ลืมความหลัง และมองไปในอนาคตข้างหน้า จะทำให้เรามีความคาดหวังใหม่ๆ ได้รับรู้สิ่งที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป เรื่องราวต่างๆที่เราเองยังไม่เคยได้รับรู้ ยังมีอีกเยอะมากที่น่าเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้น่าจะสร้างความหวังและความสุขใจให้เราได้นะครับ