JTS แกร่ง... ใครก็ทำอะไรไม่ได้

04 ก.พ. 2565 | 00:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By...เจ๊เมาธ์

*** ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหุ้นตัวแรงอย่าง JTS กำลังเดินตามรอยและสร้างปรากฏการณ์เดินตามรอยหุ้นรุ่นพี่อย่าง DELTA เคยทำมาแล้ว เพราะจนถึงวันนี้ราคาหุ้นของ JTS ขยับขึ้นมาสูงกว่า 200 บาท/หุ้น ในขณะที่ค่าพีอีก็สูงมากกว่า 800 เท่า ซึ่งทั้งราคาหุ้นและค่าพีอีเป็นการเดินตามกันไปในทิศทางเดียวกันกับ DELTA ชนิดที่ผู้ควบคุมกติกาอย่าง ก.ล.ต. กลับนั่งมองดูเฉยๆ โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย และดูเหมือนว่ากรณีการขยับราคาหุ้นแรงๆ ของ DELTA จะไม่สร้างบทเรียนอะไรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เรียนรู้ 
 

เอ...แต่ถ้าจะบอกว่าทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก น่าจะเรียกว่าไม่ทำอะไรเลยน่าจะดีกว่า
 

หุ้นตัวแรงอย่าง JTS ยังอยู่ดี...สบาย เพราะหากจะเปรียบเทียบกันแล้ว กลุ่มหุ้นตัวเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีปากมีเสียง หรือ ไม่มีความโดเด่น ไม่มีทุนใหญ่ๆ หนุนหลัง และมีค่าพีอีต่ำแค่ไม่ถึง 100 เท่าหลายตัว เพียงแค่ราคาหุ้นขยับหน่อย ก็โดนจับขึ้นแขวนไว้บนกระดานแคชบาลานซ์วนไปมาแบบไม่มีทางออก แต่หากเปรียบเทียบกัน ไม่ว่าราคาหุ้นของ JTS จะวิ่งไปแรงหรือสูงแค่ไหนกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังไปต่อได้สบายๆ
 

หรือเป็นเพราะมีบริษัทแม่ตัวใหญ่อย่าง JAS หนุนหลัง หรือเป็นเพราะมีคนนามสกุล “โพธารามิก” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครรอให้ราคาหุ้นของ JTS ขยับขึ้นไปไกลมากกว่านี้ถึงจะมีแอคชั่นออกมาให้เห็นหรือเปล่านะคะ เจ๊เมาธ์ก็แค่สงสัย ก็เลยถามลอยๆ ออกไป เผื่อจะมีใครอยากตอบก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ
 

*** แม้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะทำให้ต้นทุนที่มาจากเงินกู้จากสถาบันการเงินสูงขึ้น แต่หุ้นกลุ่มนอนแบงก์อย่าง MTC SAWAD TIDLOR KTC AEONTS รวมถึงนอนแบงก์ตัวอื่นก็เป็นหุ้นอีกกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์ จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเช่นกัน สาเหตุก็เป็นเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจทำให้ความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในแบบที่สถาบันการเงิน ไม่สามารถตอบสนองได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกู้เงินโดยใช้สินทรัพย์ค้ำประกันจะเฟื่องฟูมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งเป็นจุดขายที่ทาง MTC SAWAD TIDLOR ต่างก็กำลังแย่งชิงความเป็นเจ้าตลาดในแต่ละด้าน 
 

โดยในส่วนของ MTC มีพอร์ตจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่สุด ทิ้งห่างทั้ง TIDLOR และ SAWAD ไปไกลแล้ว ขณะที่ TIDLOR เป็นผู้นำตลาดจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ใหญ่กว่า MTC และ SAWAD ส่วนทางด้านของ SAWAD ก็มีจุดเด่นในพอร์ตจำนำโฉนดที่ดินใหญ่สุดเช่นกัน
 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ๊เมาธ์ หุ้นนอนแบงก์ 3 ตัวนี้ถือว่าน่าสนใจ ส่วนใครจะมองว่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องของวิจารณญาณส่วนบุคคลนะคะ แต่เจ๊เมาธ์ขอเรียงลำดับจาก MTC SAWAD และทาง TIDLOR แบบนี้เจ้าค่ะ

*** บอกไปลายรอบแล้วว่า ยิ่งราคาน้ำมันดิบสูงมากขึ้นเท่าไหร่ หุ้นปั๊มน้ำมันอย่าง OR และ PTG ก็น่าจะเหนื่อยมากขึ้นเหมือนกัน เพราะนอกจากการที่ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถสาธารณะ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายจนทำให้ปริมาณการขายน้ำมันเชื้อเพลิงหน้าปั๊มลดลง การแทรกแซงค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของทางภาครัฐโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลก็ทำให้ “ค่าการตลาด” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดผลกำไรหุ้นเจ้าของปั๊มน้ำมันทั้งคู่หดหายตามไปด้วย อย่าลืมว่าในส่วนของ OR มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจน้ำมันในสัดส่วน 91% ขณะที่ทาง PTG รายได้จากธุรกิจน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 96.2% ดังนั้นการปรับลดค่าการตลาดจึงทำให้ทั้ง OR และ PTG ต่างก็เจอกับโจทย์ที่ยากเหมือนกัน 
 

อย่างไรก็ตาม หากมองกันในระยะยาว โอกาสที่ทั้ง OR และ PTG จะกลับมาฟื้นก็มีมากพอสมควร แต่สำหรับตอนนี้ดูห่างๆ อย่างห่วงๆ หรือถ้าจะหาจังหวะเก็บของถูกเพื่อถือยาวเอาไว้บางก็น่าจะดีไม่น้อยค่ะ
 

*** ถ้าจะบอกว่า BWG เป็นหุ้นพื้นฐานดีเจ๊เมาธ์ก็คงอึ้ง ...แล้วคงต้องใช้เวลาในการคิดทบทวนว่ามีอะไรดีอยู่บ้าง เพราะนอกจากข่าวลือเรื่องการดีลธุรกิจกับโรงไฟฟ้าใหญ่ เรื่องจะลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะขนาด 200 เมกะวัตต์ก็ไม่มีความคืบหน้า อาจจะมีประเด็นอยู่บ้างก็แค่เรื่องของ “เจ๊สีสัน” ยังไม่ได้ไปไหน แถมเจ๊แกยังขยันปล่อยข่าวทำราคาอยู่ได้ทุกวัน ล่าสุดเจ๊เมาธ์ได้ยินข่าวปล่อยออกมาว่าจะมีคนใหญ่คนโตเข้ามาถือหุ้นตัวนี้ ก็อยากจะปรามๆเอาไว้ว่าจะเล่นข่าวเรื่องดีลเรื่องอะไรก็เล่นกันไปเถอะนะคะ แต่ถ้าเล่นข่าวเรื่องคนใหญ่คนโตมากๆ ระวังมันจะจบเห่กันทั้งบริษัทเจ้าค่ะ  
 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,755 วันที่ 6 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565