*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3760 ระหว่างวันที่ 24-26 ก.พ.2565 โดย...กาแฟขม
*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เนื้อหาครบครัน รอบด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ครบ 41 ปีเต็ม ก้าวสู่ที่ปี 42 ยืนหยัดรับใช้ท่านผู้อ่านอย่างยาวนาน กองบรรณาธิการปาวารณาตัวด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์เนื้อหาสาระข่าวสาร บทความ ลึก ตรง ประเด็น เห็นโอกาสให้กับคุณผู้อ่านทุกท่านต่อไป
*** ฐานเศรษฐกิจจะไม่มีเฉพาะสิ่งพิมพ์ราย 3 วัน ที่ออกพบปะคุณผู้อ่านอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะทำอย่างต่อเนื่องต่อไป แต่ฐานเศรษฐกิจจะเป็นแพลตฟอร์มข่าวสาร สาระ ที่พบกับแฟนๆ ทุกช่องทาง ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรามีฐานดิจิตัล ที่เสนอข่าวอย่างลึก รวดเร็ว ตรงประเด็น เสริ์ฟท่านทางสื่อใหม่ๆ นิวมีเดีย ออนไลน์เชื่อมโยงกับท่านแค่ปลายนิ้ว ทั้งตัวหนังสือ ภาพ เสียง
*** เนื้อหาสาระที่คัดสรร มีเทรนด์ใหม่ๆ ความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ทั้งโลกและไทยที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก มุ่งมั่นมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม มีเนื้อหาสาระเข้มข้นในการดูแลสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต มีธุรกิจใหม่ๆ ที่เกาะติด สร้างโอกาสให้ธุรกิจอย่าง 3 ก.กัญชง กัญชา กระท่อม ที่รวบรวมความเคลื่อนไหว จัดหมวดหมู่ให้อ่าน ชมกันอย่างสะดวก กองบรรณาธิการพร้อมที่จะเป็นฐานข้อมูลให้ท่านตัดสินใจ สร้างโอกาสได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ
*** วันก่อนมีโอกาสพบปะ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีสรรพากร ผู้จัดเก็บรายได้หลักให้กับประเทศ ก็ให้เห็นอกเห็นใจเป็นที่ยิ่ง ที่ภาพพจน์ ภาพลักษณ์ กรมฯ ที่ผู้คนยึดโยงเป็นตราประทับ เป็นผู้รีดภาษี แต่เอกนิติ บอกว่าขอให้มองมุมใหม่ ไม่ใช่รีดภาษี แต่ต้องการให้ทุกคนเข้าสู่ระบบและดำเนินการด้านภาษีอย่างถูกต้อง จึงได้ปรับกรมฯ ขนานใหญ่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นำเทคโนโลยีมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงองค์กร เป็นมิตรกับประชาชนมากขึ้น ความริเริ่มใหม่ๆ ของสรรพากรยุคนี้ ได้ถูกนำไปเป็นต้นแบบให้กับประเทศในอาเซียน
*** ไปอยู่ที่ไหนมักนำความเปลี่ยนแปลงไปที่นั่นเสมอ เอกนิติ เล่าย้อนให้ฟังไปถึงช่วงเป็นผู้อำนวยการสำนักรัฐวิสาหกิจ(สคร.) โครงการกว่าจะประมูล กว่าจะดำเนินงานได้ใช้เวลา 20 เดือน เอกนิติ ย่น ย่อระยะเวลาลงมาเหลือ 9 เดือน โดยไม่ข้ามขั้นตอน ผิดขั้นตอนกฎหมาย หากไม่ทำขั้นตอนต่างๆ ควบคู่ใช้เวลายาวนานเกินไป งานไม่สามารถเดินหน้าได้เลย เพราะระบบราชการ ออกระเบียบ บังคับไว้เช่นนั้น กรมสรรพากรเช่นกันต้องปรับให้เอื้ออำนวยความสะดวกประชาชนมากขึ้น ดึงภาคเอกชน ที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยี เด็กใหม่ๆ คนรุ่นใหม่ เข้ามาช่วยติติง วิพากษ์ วิจารณ์ ช่วยคิด ช่วยทำ จนมีความทันสมัยและก้าวทันเทคโนโลยีมากขึ้น
*** เลี้ยวไปที่การเมือง ปิดสมัยประชุม 1 มี.ค. 2565 รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา หายใจหายคอได้โล่งขึ้นมาหน่อย ไม่มีเรื่องสภาฯ มาให้กวนใจอย่างน้อย 2 เดือนกว่าๆ แต่ว่าก็ว่า ยังไม่พ้นพงหนาม เมื่อรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลสร้างประวัติศาสตร์ บอยคอต ครม.แล้วอย่างนี้คนเป็นนายกรัฐมนตรียังมีอะไรให้เชิดหน้าภูมิใจ ในการบริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรี แล้วที่ยืนยันมั่นเหมาะ 260 เสียงรวบรวมได้หนุน “ลุงตู่” จะเป็นไปได้หรือ วางใจกันได้หรือ แล้วคราวนี้จะเอาอย่างไร
เมื่อถึงเดือนพ.ค.ที่สมัยประชุมสภาฯ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน คงต้องเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จะพาตัวเองขึ้นสู่ตะแลงแกงหรือไม่ ฟันธงล่วงหน้าไม่กลัวปากกาหัก ไม่มีใครพาตัวเองเข้าสู่หลักประหาร ฉะนั้น ยุบสภาเลือกตั้งใหม่คงจะเกิดช่วงเดือนก.ค.2565 เป็นแม่นมั่น เอาปากกามาวงไว้เลย
*** มาด้านแวดวงอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ยุคนี้ที่มี บรรจง สุกรีฑา เป็น เลขาธิการสมอ. เดินหน้าสานต่อการทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานอย่างจริงจัง ล่าสุดได้จัดการทำลายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นสินค้าที่ สมอ. และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ได้ลงพื้นที่ตรวจจับและยึดอายัดไว้ทั้งที่จำหน่ายในท้องตลาดและทางออนไลน์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 - มกราคม 2565 จำนวนกว่า 1 ล้านชิ้น มูลค่ารวมกว่า 40 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มเดิมๆที่แพร่ระบาดวางขายไปทั่วทั้งของเล่น ไฟแช็กก๊าซ เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับดูแลผิวและผม เตารีด ลำโพงพร้อมเครื่องขยาย เตาย่างเตาปิ้ง เตาไมโครเวฟ พัดลมไฟฟ้า หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เต้าเสียบเต้ารับ ปลั๊กพ่วง กระทะไฟฟ้า ฝักบัวอาบน้ำ ก๊อกน้ำ หมวกกันน็อค ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ หัวนมยาง ฟิล์มยืดหุ้มห่ออาหาร เซลส์และแบตเตอรี่ เป็นต้น
*** ที่แน่ๆ กระบวนการทำลายล้างสินค้าไม่ได้มาตรฐานครั้งนี้ สมอ. ได้ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด โรงไฟฟ้ามาบตาพุด อีโค่-เอ็นเนอร์ยี แพลนท์ ซึ่งเป็นโรงกำจัดกากอุตสาหกรรมและหน่วยผลิตไฟฟ้า ที่สามารถรองรับขยะอุตสาหกรรมได้หลากหลายประเภทและหลายขนาด ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตราย โดยกระบวนการดำเนินงานทุกขั้นตอนเป็นแบบระบบปิด มีระบบการควบคุมมลพิษ และของเสียตามมาตรฐานสากล ตั้งแต่การรับขยะอุตสาหกรรมจากผู้ประกอบการ การขนส่งไปยังจุดคัดแยกประเภทเพื่อเตรียมกำจัด การเข้าสู่กระบวนการกำจัดด้วยเทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชั่น ร่วมกับแอชเมลติ้ง (Gasification with Ash Melting) ซึ่งเศษวัสดุที่ได้จากการเผาไหม้ เช่น อะลูมิเนียม เหล็ก เถ้าลอย ยังนำกลับไปใช้ใหม่ได้ ส่วนวัสดุเผาไหม้ไม่ได้ (Incombustible)สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบแทนการก่อสร้างถนนได้ โดยกระบวนการนี้ทำให้ไม่เหลือขยะอุตสาหกรรมที่ต้องกำจัดเพิ่ม นอกจากวัสดุที่เป็นผลพลอยได้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ถือว่าเป็นระบบการกำจัดที่ยอดเยี่ยม
*** กรมโรงงานอุตสาหกรรมจ่อลงดาบผู้ก่อกำเนิดของเสีย ผู้รวบรวมและขนส่ง และผู้บำบัดและกำจัดของเสียทั่วประเทศ งานนี้นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)บอกว่าจากการตรวจสอบข้อมูลในระบบฐานข้อมูลของ กรอ. พบว่าประเทศไทยมีผู้ประกอบกิจการโรงงานจำนวนมากกว่า 65,000 โรงงาน ทำให้เกิดของเสียอุตสาหกรรมหรือวัสดุไม่ใช้แล้วจากกระบวนการผลิต จำแนกเป็นของเสียอันตราย ประมาณ 1.5 ล้านตัน และของเสียไม่อันตราย ประมาณ 17 ล้านตัน ที่จะต้องได้รับการจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย และผู้ประกอบกิจการโรงงานจะต้องรายงานข้อมูลการผลิต การใช้วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ รวมถึงปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นต่อ กรอ. ภายในวันที่ 1 มีนาคม ของทุกปี นอกจากนี้ยังพบอีกว่ามีโรงงานอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ส่งรายงานเกี่ยวกับการกำจัดของเสียประจำปี พ.ศ. 2564 ซึ่งมีกำหนดส่งภายในวันที่ 1 มีนาคม 2565 โดยผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศรวมถึงโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม มีหน้าที่ต้องส่งรายงานดังกล่าวตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2548 งานนี้ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. โรงงาน ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่ง กรอ. จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
***ขอแสดงความยินดีกับ น.พ.ธีรสันติ์ ตันติเตมิท แพทย์ดีเด่นประจำปี 2564 โรงพยาบาลพญาไท 2 คุณหมอเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนัก บรรดาเสียงจากคนไข้และญาติคนไข้ต่างชื่นชม ยินดีกับรางวัลแพทย์ดีเด่น คุณหมอถือว่าเป็นหมอศัลยกรรมที่ใจดี เป็นกันเอง และดูแลคนไข้ดุลญาติมิตร ดูจากการใส่ใจ พูดจาอบอุ่นให้ข้อมูลรอบด้านในการรักษาทำให้คนป่วยผ่อนคลายไร้กังวล และท่านยังติดตามผลการรักษาคนไข้เป็นอย่างดี