ลูกอิสานแห่งลุ่มน้ำอิยะวดี 12

28 มี.ค. 2565 | 01:25 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

การทำธุรกิจใดๆ ก็ตาม มักจะต้องประสบกับความยากลำบาก โดยเฉพาะธุรกิจร่วมทุน อย่าว่าแต่กับคนต่างชาติต่างภาษาเลย แม้แต่คนไทยด้วยกันก็ยังยาก หากพบหุ้นส่วนที่ไม่ดี ดังนั้นก่อนที่ร่วมทุนกับใครก็ตาม ต้องมองให้ลึกซึ้งลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจให้ได้ เพราะนั่นเป็นการต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราในอนาคต ที่จะต้องเป็นระยะยาว ไม่ใช่ปีสองปีของการทำธุรกิจแล้วจะจบง่ายๆ  ก็เปรียบเสมือนการแต่งงานหรือหาคู่ตุนาหงัน ที่จะต้องอยู่ร่วมกันยาวนาน เพียงแต่การร่วมชีวิตคู่ จะไปจบด้วยการจากไปของคนใดคนหนึ่ง ในขณะที่การร่วมทุนกันทำธุรกิจ มีวันที่จะต้องแยกทางกัน ดังนั้นความสำคัญแม้จะไม่เท่ากัน แต่ก็ไม่แตกต่างกันไม่มากหรอกครับ
 

ศักดิ์หลังจากที่ได้ผู้ร่วมทุนใหม่อีกสองราย โดยไม่ได้ตั้งใจมาก่อน เพียงเพราะหุ้นส่วนใหม่เสนอตัวเข้ามาช่วยให้กู้เงินมาทำธุรกิจ ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและไม่ต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน ดังนั้นการเสนอให้เขาเข้ามาร่วมทุน เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เขามีน้ำใจหยิบยื่นมาให้ อย่างไรก็ตาม ศักดิ์เองก็คิดอยู่หลายวันกว่าจะตัดสินใจได้  อีกประการหนึ่ง ศักดิ์เองก็ไม่มีประสบการณ์ในการร่วมทุนกับใครมาก่อน จึงอาจจะเป็นเพราะว่าศักดิ์มักจะมองโลกในแง่ดีมาโดยตลอด ลืมคิดไปว่าเหรียญนั้นมีสองด้าน การอ่อนด้อยประสบการณ์เช่นนี้ จึงนำพาซึ่งความขัดแย้งในอนาคตได้ นี่เป็นปฐมเหตุแห่งการทำให้เกิดปัญหาครับ
 

การกู้ยืมเงินมาทำธุรกิจ หากเป็นการกู้ที่มีกฎหมายคุ้มครอง การเอารัดเอาเปรียบก็จะไม่ค่อยปรากฎให้เห็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ก็จะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ครั้งนี้แม้จะเป็นการกู้ที่กึ่งๆ นอกระบบ อีกทั้งกู้โดยดอกเบี้ยต่ำ ก็ยังต้องเสนอให้เขาเข้ามาร่วมหุ้นในบริษัท เพื่อเป็นการตอบแทน ก็ไม่ต่างไปจากกู้นอกระบบมากนัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไป เพราะความโลภก็ชนะใจตนเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาภายหลังนั่นเอง
 

ในที่สุดก็คืนเงินกู้ให้แก่หุ้นส่วนได้ภายใน 2 ปี และขยายตลาดได้ตามที่ต้องการ หลังจากนั้นทางหุ้นส่วนคนใหม่ ก็เห็นว่าธุรกิจนี้มีผลกำไรดีมาก จึงใช้กลอุบายให้เขาได้เปรียบ โดยเพื่อนที่เข้ามาใหม่บอกในที่ประชุมผู้ถือหุ้นว่า การใช้ชื่อบุคคลภายนอกที่เราไม่รู้จักมักคุ้นนั้นอันตรายมาก จึงควรจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อเขาจะปลอดภัยกว่า ซึ่งศักดิ์ก็เห็นด้วย เพราะเริ่มคุ้นเคยกับเขามาสองปีแล้ว คิดว่าคงไม่มีปัญหา
 

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อเพื่อนคนแรกที่เป็นนายทุนเงินกู้ถอนตัวออกจากบริษัทก่อน เหลือเพียงเพื่อนใหม่ที่ถือหุ้นและใช้ชื่อเขาไว้ จึงเริ่มที่จะออกลายมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่ปีที่ 4 เพื่อนใหม่คนนี้จึงได้เข้ามายึดบริษัทไป เพราะเพื่อนที่แนะนำเขาเข้ามาก็ออกไปแล้ว จึงไม่เหลือความเกรงใจอีกต่อไป อีกทั้งในวันที่เขาเข้ายึดบริษัท รายชื่อผู้ถือหุ้นก็ป็นชื่อเขาทั้งหมดแล้วนั่นเอง 

ศักดิ์ถึงคราวอับจน จึงไปขอพบเพื่อนคนแรก เพื่อเล่าถึงการที่เพื่อนที่เขาแนะนำมาได้กระทำการดังกล่าว การเจรจาครั้งนั้นศักดิ์ต้องใช้ความอดทนเจรจาต่อรองอย่างหนัก โดยอ้างว่าเงินที่ศักดิ์ลงทุนไป แม้จะเข้ามาแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้มีชื่อตนเองอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศักดิ์ลงเงินลงแรงลงกำลังในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด จึงขอร้องให้เขาเห็นแก่ความเป็นเพื่อน ช่วยศักดิ์เจรจากับเพื่อนที่เขาแนะนำมาให้ด้วย มิเช่นนั้นหากต่อสู้กันในชั้นศาล แม้ศักดิ์จะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ชื่อเสียงของเพื่อนเขาก็จะเสียหายไปด้วย เพราะลูกค้าทั่วไปต่างรู้ว่าบริษัทนี้เป็นของศักดิ์โดยพฤตินัยอยู่แล้ว ซึ่งไม่ควรจะถูกโกงไป
 

เมื่อเพื่อนคนแรกยอมที่จะช่วยเจรจาให้ ทุกอย่างก็จบลง แม้จะไม่ได้บริษัทเก่าคืนกลับมา  แต่โชคดีอยู่อย่างที่เพื่อนที่ออกไปเข้ามาเจรจาให้ว่า ต้องคืนเงินที่เป็นส่วนของศักดิ์ลงทุนมาทั้งหมด คือ 80%ให้แก่ศักดิ์ ส่วนบริษัทก็ยกให้เขาไป หลังจากนั้นศักดิ์ก็กลายเป็นคนตกงานไม่มีธุรกิจทำ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้เดินทางกลับไทย ได้แต่เฝ้ารอดูอยู่นิ่งๆ เกือบครึ่งปี จึงได้เริ่มจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา และทำการสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่ อีกทั้งเริ่มกลับเข้าสู่ตลาดใหม่อีกครั้ง
 

ในขณะที่ลูกค้าเก่าๆ ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเดิมยี่ห้อเดิมอยู่ ก็เริ่มรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับศักดิ์ จึงเริ่มกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ของศักดิ์ใหม่ ซึ่งเขาเองก็คิดว่า หลังจากที่ออกมาจากบริษัทเดิมที่คนเมียนมายึดไป แม้ยี่ห้อสินค้าจะถูกนำไปด้วย แต่ผลิตภัณฑ์ที่ขายอยู่ ก็เริ่มมีปัญหาด้านคุณภาพ เพราะไม่สามารถทำลอกเลียนแบบเทคนิคที่ศักดิ์คิดค้นได้นั่นเอง จึงทำให้ปัจจุบันนี้บริษัทเดิมที่ถูกยึดไปก็เริ่มมีฐานะค่อนข้างจะง่อนแง่น ขายสินค้าก็ยากขึ้น เพราะสินค้ายี่ห้อใหม่ของศักดิ์เข้าไปทดแทนนั่นเอง จึงทำให้มีปัญหาทางการเงินและคุณภาพสินค้าตามมาตลอดเวลาครับ
 

การหาสินค้าทดแทนเข้ามาขาย ไม่ใช่ว่าจะง่ายอย่างที่หุ้นส่วนคนที่เข้ามาโกงบริษัทไปคิด เพราะมีอีกหลากหลายที่เขาคาดไม่ถึง เช่นสัญญาใจที่ผู้ขายในประเทศไทยเรา ซึ่งมักจะเป็นคนจีน ที่ยึดมั่นในสัจจะวาจาและสัญญาใจ นี่เป็เอกลักษณ์เฉพาะของคนจีนในประเทศไทย ที่คนเมียนมาไม่สามารถรับรู้หรือคาดไม่ถึง เขาได้เพียงแต่คิดว่า มีเงินก็สามารถหาซื้อของได้ ซึ่งผิดถนัดเลยครับ เพราะ90% ของพ่อค้า มักจะดูลูกค้าหลากหลายช่องทาง ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะสามารถทำได้ทุกเรื่อง ดั่งที่เขาคิดเลยจริงๆ
 

อาทิตย์หน้าผมจะมาเล่าถึงเรื่องนี้ให้อ่านอีกครั้งนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ