*** ในที่สุด 7UP ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในเกิดขึ้นอย่างที่เจ๊เมาธ์คาดเอาไว้ โดยล่าสุดบอร์ดของ 7UP มีมติแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2565 ซึ่งการขยับขึ้นนั่งตำแหน่งผู้บริหารของ พล.ต.อ.สมยศ รวมถึงการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ น.ส.ชมกมล ส่งผลให้กลุ่ม “พุ่มพันธุ์ม่วง” ขยับเข้ามาอยู่ในไลน์บริหารที่สามารถกำหนดทิศทางธุรกิจของ 7UP ในอนาคตอย่างเบ็ดเสร็จ และจากนี้ไปเราคงจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้นกับหุ้นตัวนี้บ้าง ข่าวว่าตอนนี้บนดอย 7UP หนาวมากนะคะ เพื่อนๆ นักลงทุนฝากบอกมาว่าอยากลงดอยใจจะขาดอยู่แล้วค่ะ
*** ผู้บริหารของ TEAMG จะบอกว่าไม่มีพัฒนาการที่สำคัญ แต่ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 70% ในเวลาเพียงไม่กี่วันกลับเดินสวนทางกับคำตอบที่ได้ จำได้ว่าเมื่อเดือนตุลาคม 64 หุ้นอย่าง TEAMG เคยดันราคาหุ้นจาก 2 บาทกว่าๆ ขึ้นไปจบรอบที่ 4.38 บาท ก่อนที่จะซึมอยู่นานเกือบครึ่งปี จากประเด็นเรื่องที่บริษัทฯ รับงานใหม่จากทั้งภาครัฐ จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 409 ล้านบาท ขณะที่การขยับราคาของ TEAMG ในรอบนี้นอกจากประเด็นเรื่องเงินปันผล 0.15 บาท ซึ่งคิดเป็นราวๆ 4% ยีลด์ ยังมีโครงการมูลค่า 409 ล้านบาท ที่เคยใช้ดันราคาไปแล้วถูกนำกลับมาพูดถึงกันอีกครั้ง
เจ๊เมาธ์ก็ไม่รู้ว่าการพูดถึงโปรเจ็กต์เก่าๆ และการบอกว่าไม่มีพัฒนาการจะทำให้การจุดพลุราคาในครั้งนี้ขึ้น...แล้วก็ซึมลง แบบที่เคยทำเอาไว้หรือเปล่านะคะ แค่จะบอกว่า ถ้าผู้บริหารบอกว่าไม่มีพัฒนาการ นักลงทุนอย่างเราๆ ต้องระวังตัวแล้วเจ้าค่ะ
*** SABUY คือหุ้นที่เจ๊เมาธ์เคยบอกเอาไว้แล้วว่า มีทรงหุ้นที่ดูแปลกๆ เนื่องจากเดินเกมดันราคาหุ้นด้วยสารพัดดีล ชนิดที่แม้แต่คนที่ตามกระแสมาตลอดยังจับทางไม่ถูกว่าจริงๆ แล้วบริษัทนี้ทำธุรกิจอะไรกันแน่ ที่ผ่านมาเห็นมีแต่ประกาศเซ็นต์ MOU โน้นนั่นนี่ ประมาณว่าเซ็นต์แหลก...เอามันทุกอย่าง จับทุกทาง เล่นข่าวกันจนไม่รู้ว่าทำได้จริงแค่ไหน หรือที่ทำๆ ก็เพื่อสร้างข่าวให้ชื่อของหุ้นติดกระแสเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น คือ การที่ราคาหุ้นของ SABUY ตอบสนองกระแสข่าวจนขยับจากราคาหุ้น 2 บาทกว่าๆ ขึ้นมาเป็น 38 บาท ก่อนที่จะลงมาอยู่ที่ราคา 25 บาทในปัจจุบัน
จากนี้ไปสิ่งที่ SABUY จะต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาหุ้นหลุดลงไปมากกว่านี้ ก็คือ การผลักดันงานทั้งหลายที่เซ็นต์ไว้ให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้นักลงทุนรู้ว่าบริษัท “ไม่ได้โม้” สามารถพูดจริง และทำได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเชื่อใจนะคะ เจ๊เมาธ์จะยังคงตามดู และพูดถึงบ่อยๆ เจ้าค่ะ อิอิอิ
*** BWG นี่ก็เป็นหุ้นทรงโบราณอีกตัวที่นิยมเดินเกมด้วยการเล่น “ตบจูบ” ประมาณว่าไม่คิดอย่างอื่น...จะกินแค่สั้นๆ เล่นข่าวและสร้างกระแสดันราคา และเมื่อไหรก็ตามที่ถึง “เป้า” ก็จะมีการสาดหุ้นล็อตใหญ่ออกมาเพื่อกดราคาเก็บของเอาไว้เล่นรอบใหม่ และที่เจ๊เมาธ์บอกว่า ทรงโบราณก็ไม่มีอะไร แต่เป็นเพราะว่าบรรดาเจ๊ๆ เฮียๆ ทั้งหลายที่สิงอยู่เบื้องหลัง BWG มักจะหาเงินกับตลาดหุ้นด้วยการเดินเกมแบบนี้ตลอดมา ไม่เชื่อก็ตามดูได้นะคะ ขึ้นแบบนี้...อีกไม่นานก็ตบลงไปที่เดิมค่ะ
*** ถ้าหากจะพูดถึงหุ้นตัวใหญ่เจ๊เมาธ์มองว่า PTT เป็นหุ้นที่นักลงทุนที่ชอบเก็บยาวไม่ควรจะมองข้าม ในช่วงแรกบริษัทลูกของ PTT ไม่ว่าจะเป็น PTTEP PTTGC TOP IRPC ที่กลับมามีกำไรแล้วแทบทุกบริษัท ต่างก็จะทำหน้าที่ลูกกตัญญูด้วยการส่งรายได้กับทาง PTT จนอาจทำให้ผลงานปี 65 แตกต่างไปจากปี 64 อย่างชัดเจน ขณะที่โปรเจ็กต์รถไฟฟ้า (EV) ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะทำให้อนาคตของ PTT ในอีก 2-3 แตกต่างไปจากปัจจุบันได้อย่างแน่นอน เจ๊เมาธ์แนะนำให้ตามดูนะคะ สำหรับหุ้นอย่าง PTT ถ้าได้ราคาที่ถูกใจก็สะสมได้เลยค่ะ
*** ทิ้งท้ายด้วย อกอิแป้นจะแตก...เจ๊เมาธ์ เห็นแล้วอึ้ง !!! ค่ะงบการเงินสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน 2 ปีที่ผ่านมา (2563-2564) ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท โดยปี 2564 ค่าใช้จ่ายเกือบ 46 ล้านบาท ขึ้นมาจากปี 2563 กว่า 5 ล้านบาท จำนวนพนักงาน-เจ้าหน้าที่สมาคม ไม่น่าจะมากไปกว่าพนักงานโบรกเกอร์ แต่ค่าใช้จ่ายเฉพาะพนักงานนี่ เทียบเท่าการบริหารหลักทรัพย์เชียวนะคะ ...จะไม่ให้เจ๊เมาธ์อึ้งกิมกี่ ได้ไงค่ะ ก็ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน นำโด่งหลัก 40 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งมวลอยู่หลัก 1-9 ล้านบาท เท่านั้น ...เบ็ดเสร็จทั้งปี 2564 ค่าใช้จ่ายรวม ปาเข้าไปกว่า 90 ล้านบาท รายได้รวม 94 ล้านบาท หักภาษีแล้ว รายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายอยู่แค่ 1.6 ล้านบาทเศษ เท่านั้น...นี่แหละค่ะ สมาคมไม่แสวงหากำไรจริงจิ๊งๆ แค่แสวงหาค่าใช้จ่ายเท่านั้น
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,771 วันที่ 3 - 6 เมษายน พ.ศ. 2565