อันว่าสรรพสัตว์ต่างๆทั้งหลายในโลกนั้น ถ้าว่ามันเปนสัตว์เฉยๆ หรือ ว่าเปนปศุสัตว์ก็ตาม เรา_ผู้คนทั้งปวงก็จะเฉยๆกับพวกมัน ด้วยว่ามันไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรแก่ตัวเราในฐานะว่าเปนคน เอาไปเชือดฆ่าล่ากินกันตามสบายและสะดวกปาก
แต่ว่าหากเมื่อไรสัตว์นั้นมีค่าทางใจแก่เราขึ้นมา เราก็มักจะยกฐานะแก่มันให้ว่าเปนสัตว์_เลี้ยง(Pet) ซึ่งลักษณาการนอกจากจะเอามาใส่ใจดูแลเข้าให้แล้ว มันก็ต้องตั้งชื่อ เอาไว้เรียก_เอาไว้คุยตามประสาสัตว์ป่าสัตว์ไพรผู้ได้รับการยกฐานะขึ้นมาใกล้คน
จะวัวป่า ม้าไพร อะไรๆก็ตาม มีชื่อตัวเข้าแล้วเปนอันว่าปลอดภัยจากการกระทำอันตรายจากพวกมนุษย์ด้วยกลายเปนสัตว์มีเจ้าของอันว่าวันที่ 23 มีนาคม ของทุกปี ประดาองค์กรองค์การสัตว์ต่างๆที่มนุษย์ก่อตั้งขึ้นมาชื่นเชยเขาก็ตกลงกันว่าควรสถาปนาให้มันเปนวันหมีโลก world bear day ด้วยตระหนักกันว่าสัตว์โลกน่ารักชนิดนี้ ชักจะมีภัยคุกคามมาพร่าพรากกันมากเกินไปแล้ว_ชะรอยอุ้งตีนคงจะอร่อยเอร็ด (กินบำรุงกำลังกันอย่างโอชา ตามประสาท่านคอลัมน์ข้างๆนี้55)
ทีนี้ก็ได้เวลาชวนท่านมาสนทนาพาทีเกี่ยวกับเรื่องหมีๆ อันดับหนึ่ง : หมีเปนตัวแทนความน่ารัก อันหมีที่ว่าน่ารักนั่น มันคงเปนคาแรกเตอร์เฉพาะก่อนที่มันจะพิโรธโกรธา ด้วยความตุ้มและตุ้ยของมันธรรมชาติออกแบบมาให้เวลาจะยืนจะเดิน ดูน่ารัก ไหนจะหน้าตาบ้องแบ๊วของมันอีก ก็คงไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าตอนน่ารักของหมีนั่น มันมีอยู่ช่วงที่ว่ามันยังเปนหมีเด็ก_ลูกหมี หรือที่เรียกกันว่า bear cub มันยังเซอะๆอยู่ดูแล้วขนฟูๆ ตัวนุ่มๆน่าเอามากอดมาเล่น
มนุษยชาติมนุษยชนหลายคนหลายฝ่ายล้วนหลงในมนต์เสน่ห์แห่งลูกหมีเหล่านี้ เอามาเลี้ยงเล่นทะนุถนอมใส่ใจอาลัยรัก ชั่วไม่นานนักว่าเวลาชีวิตของหมีมันไวกว่าเรา เจ้าตัวเล็กขนฟูที่ว่ามันโตหนุ่ม เขี้ยวงอก กรงเล็บยาวคราวนี้ฮอร์โมนเข้ากระทำ ก็จำจะต้องเอาโซ่ล่าม เอากรงขัง ตะกร้อเหล็กรัด เกิดเปนโศกนาฏกรรม ทำเอาทุรนทุรายกันทั้งคนทั้งหมี โดยที่หมีก็ไม่เข้าใจคิดว่าคนเปลี่ยนไปและ โดยที่คนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหมีไม่เหมือนเดิม
องค์การพิทักษ์สัตว์แต่ละปีรับโละหมีจำนวนไม่น้อย ไม่นับพวกหมีหลุด หมีตื่นป่า หมีตื่นคน ต้องจบความตื่นนั้นด้วยกระสุนโลกันต์_แหม่เศร้า
ดังนี้แล้วผู้คนจึงพยายามหยุดเวลา จำลองหมีเอาไว้ให้มันยังเปนลูกหมีอยู่ต่อไป แบบว่าไม่รู้ล่ะว่าตัวจะโตแค่ไหน แต่ในหัวใจต้องให้มันเปนลูกหมี_Bear cub ...ปล่าว หามิได้จะจับมันฉีดยาแกร็น เพียงแค่ทำรูปจำลองและจำหลักมันไว้ ในรูปแบบตุ๊กตาบ้างตัวการ์ตูนบ้าง ให้มันคงตุ้มๆและขนฟู หน้าตาบ้องแบ๊วอยู่ต่อไป ไม่ให้มีพิษภัยแลพละกำลังตามธรรมชาติเมื่อวัยกล้ากำดัดขึ้น
อีทีนี้เพื่อให้หมีจำลองกลายเปนสัตว์เลี้ยง (สมมติให้มีชีวิต) มันก็ต้องมีชื่อเอาไว้เรียกขาน ตามที่กล่าวเกริ่นท่านไว้เบื้องแรก ว่าแต่ว่าหมีตุ๊กตามันควรจะชื่ออะไร? ถ้าคำถามนี้ชิงรางวัล รับประกันว่าร้อยทั้งร้อยต้องมีผู้ชิงตอบว่า “Teddy” แหม่ ก็มันช่างเปนชื่อไพเราะเหมาะเจาะคุ้นเคย แล ‘สื่อ’ ได้ดีถึงความเปนหมี
มาบัดนี้เนื่องในโอกาสวันหมีโลก ก็จะเปิดเผยเบื้องหลังชื่อนามอันน่ารักเปนมงคล ในสไตล์ cat out of the box ดังต่อไปนี้ อันว่าฝรั่งผิวขาวนั้น ในศตวรรษที่ผ่านมา ถ้ามีชื่อจริงแล้ว เขามีชื่อเล่นประจำชื่อจริงอย่างว่าถาวรแก้ไม่ได้ อย่างว่าชื่อจริงชื่อนี้ ชื่อเล่นจะต้องล็อกตาม เช่นถ้าชื่อจริงว่า Robert ชื่อเล่นต้อง Bob ถ้าชื่อจริง Richard ชื่อเล่นต้อง Dick ถ้าชื่อจริงว่า William ชื่อเล่นว่า Bill ถ้าชื่อจริงว่า Theodore ชื่อเล่นว่า Ted ถ้ามีสร้อยให้คล่องปากก็เติมกี้เข้าไป_กี้เฉยๆม่ายช่ายวิสกี้.
Bob เปน Bobby
Dick เปน Dicky
Bill เปน Billy
Ted เปน Teddy อย่างงี้เปนต้น
กาลครั้งหนึ่ง ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา มีชื่อว่าธีโอดอร์ รูสท์เวลท์ หน้าตาท่าทางของท่านประธานาธิบดีจะเปนอย่างไร ว่ากันว่าคาแรกเตอร์ของท่านถ่ายทอดออกมาได้อย่างตรงเผง ผ่านบทบาทของ โรบิน วิลเลี่ยมส์ ที่นำแสดงไว้ในภาพยนต์อลเวง Night at The Museum ก็คนที่แต่งเครื่องแบบสหพันธ์ขี่ม้าตัวโตๆ ใส่แว่นกลมกรอบทองนั่นเเล ประธานาธิบดี ธ. รูสท์เวลท์นี้ (ต้องมีตัวย่อชื่อเพราะอีกท่าน แฟรงคลิน ดี รูสท์เวลท์ ก็ประธานาธิบดีเหมือนกัน) ในยุคที่บ้านป่าเมืองเถื่อนและแผ่นดินแตกแยกวุ่นวายที่ใดร้อนรุ่มเข็ดขามคนยุคท่านที่มีสถานะผู้นำเช่นท่านก็มักจะไปปราบ
ซึ่งการปราบนี่ก็รวมถึงการปราบสัตว์ร้ายที่เปนภัยแก่ชาวบ้านด้วย ปราบไปปราบมามันก็ออกลักษณะอีตรงที่ว่า กิจกรรมทำล่าทำพรานยิงโป้งๆป้างๆก็สนุกบันเทิงดีนี่นา ก็กลายเปนว่าเกิดเปนงานอดิเรกไป_ออกล่าสัตว์ ปธน. ธ. ก็เข้าเกณฑ์อันนี้
วันหนึ่งคณะล่าไพรของท่านก็พากันไปสามเหลี่ยมลุ่มน้ำมิสสิสซิปปี หวังใจจะออกไปล่าหมีดำ โดยมีนายพรานชาวถิ่นนำทางชื่อ พรานโฮลท์ วันแรกของการเดินทางหมาพรานก็กระสากลิ่นหมี ออกอาการกระวนกระวายได้สาบสัตว์ร้าย Beast นายพรานว่าท่าน ปธน. รออยู่นี่เถิด จะใช้หมาไล่ต้อนหมีออกจากดงป่าอ้อยมาให้ยิง
ทว่า รอเปนนานสองนายจนพรานบรรดาศักดิ์หิวข้าวเที่ยงหมีก็ไม่ออกมา แถมหมาพรานที่เห่ากรรโชกก็วิ่งกรูไปอีกด้านของป่า พรานโฮลท์ผู้นำทางขี่ม้าไล่กวดไปจึงเจอหมีเด็กตัวหนึ่งสีน้ำตาล กำลังคว้าคอหมาพรานตัวโปรดของพรานโฮลท์, แน่ล่ะหมาตัวโปรดเช่นนี้ก็ต้องมีชื่อ มันชื่อ จ๊อกโก้
ดังที่เรียนไว้แต่แรกว่าสิ่งไรมีชื่อเรียก สิ่งนั้นเจ้าของรักและใส่ใจ ในสถานการณ์เช่นว่านั้นพรานโฮลท์ก็ขับม้าพุ่งเข้าใส่เจ้าหมี หวังใจจะช่วยชีวีเจ้าหมาจ๊อกโก้ ทว่าระยะยิงมันไม่ได้จังหวะพรานเลยคว้าเอาพานท้ายปืนฟาดหน้าเจ้าหมีสีน้ำตาลนี่เข้าให้แรงโทสะ และน้ำหนักท่อนเหล็กนั่น ทำเอาหมีเด็กมึนงงถึงเบลอ
ตะแก (พรานโฮลท์) จึงรีบคว้าคอหมีคล้องบ่วงล็อกไว้แล้วลากหมีสะลึมสะลือมาผูกต้นไม้ ประเคนไว้รอท่าท่านนายพรานใหญ่ระดับประธานาธิบดีมายิงซะ พลันท่าน ธ. รูสท์เวลท์อิ่มข้าวแล้วขี่ม้ามาถึง แลเห็นหมีถูกมัดอยู่เพื่อท่านจ่อยิงง่ายๆ ก็คงบังเกิดความสลดสังเวช ว่า กูหนอถ่อมาไกลใคร่จักได้สำแดงฝีมือไพรให้ลือชา ก็มาเจอหมีบักโกรกเขามัดไว้รอท่า จักพิฆาตฆ่าก็น่าอับอายแก่สายวิชาพรานยิงนักท่านจึงว่า ‘ไม่ยิงๆ’
ข่าวความเปนสุภาพบุรุษนักล่า ไม่เอาเปรียบหมาเอาเปรียบหมีที่เกิดขึ้น ณ ปากแม่น้ำมิสสิสสิปปีแห่งนี้ ไม่ช้านานก็กระฉ่อนไปในหมู่นักข่าวนักหนังสือพิมพ์ก็ให้มีกระทาชายนายหนึ่ง ท่านวาดการ์ตูนลง นสพ.เปนรูป ปธน. ไม่ยิงหมีเด็กถูกมัด ผู้คนทั่วทุกรัฐได้เห็นก็รู้สึกยินดีชื่นชม ก็ยังมีกระทาชายอีกนายหนึ่ง ทำร้านขายลูกกวาดอยู่แล้วอยากจะต่อยอด ก็เกิดไอเดียว่า ตุ๊กตาหมียัดไส้นุ่นสำลีที่ตัวจะวางขาย มันน่าจะมีชื่อเรียกบ้าง เพื่อคนซื้อจะได้รักใคร่และใส่ใจเพิ่มยอดขายให้กระจายหงายเงิบ
ตัวแกจึงเขียนหนังสือไปเล่าความให้ ปธน. ทราบ และขออนุญาตว่าเจ้าหมียัดไส้ที่จะวางจำหน่ายนี้ขอนำความประทับใจในเรื่องราวแห่งท่านมาใช้ได้ไหม ใคร่จะขอขนานนามพวกมันว่า Teddy’s Bears = พวกหมีของปธน. ธีโอดอร์ ท่านประธานาธิบดีก็เห็นดีกับศุภศิริมงคลนามแห่งนั้น และหมีนั่นก็ขายดีเปนเทน้ำเทท่าด้วยว่าของมันมี History อยู่เบื้องหลัง จนจำเนียรกาลผ่านมาถ้อยคำก็หดสั้นเข้า เเละประธานาธิบดีก็เปลี่ยนคนไปๆ ชื่อของมันก็กลายเปน Teddy Bear ไม่มีอะโพสโตฟี่เอส’s ระบุความเปนเจ้าของแห่งมันอีก และเปนที่มาเรียกขานพวกหมีว่าชื่อเท็ดดี้ด้วยประการฉะนี้
อนึ่งขอบันทึกไว้เผื่อจะได้เปนประโยชน์ว่า นักการตลาดโฆษณาสมัยนี้เขาว่าจะสินค้าอะไรๆถ้าจะ propaganda ประชาสัมพันธ์แล้วไซร้ มันต้องมีสตอรี่_story ส่วนสตอรี่นี่จะสตอแหลเสกสรรปั้นแต่งอย่างไรขึ้นมาก็ได้ไม่ต้องสนใจความหลักความจริง ซึ่งอาจจะมีอยู่นิดเดียวก็ปั่นให้มันเปนตุเปนตะขึ้นมา(บร้ะ_พูดแล้วคันปากอย่างกะพวกทำปั่นหุ้น) ช่างเลวร้ายแลอับอายแก่ผู้บริโภคที่เขาจับไต๋ได้ จึงใคร่ขอเชิญชวนท่านทั้งนั้นเติมคำว่า Hi ลงไปหน้า story สักหน่อย มันจะเกิดสมาสชนสนธิเชื่อม กลายเปนคำว่า “HISTORY” - ประวัติศาสตร์ ที่ว่าผ่านการชำระและมีหลักมีฐานอ้างอิงกันได้ เมื่อนำมาใช้ประกอบผลิตภัณฑ์มันก็จะทำให้ขายดิบขายดีอย่างว่าหมีประธานาธิบดีที่เล่าขานกันนี้แล
ส่วนพวกหมีมีประวัติศาสตร์เช่น Teddy Bear ยี่ห้อ Stieff ผลิตในปีสัก 1910 อายุมันก็ร้อยปีเศษ ในอังกฤษประมูลขายกันตัวละหลายแสนบาท ด้วยเหตุที่ตัวมันหยุดเวลาความน่ารักไว้ได้แต่วันนั้น แล้วยังเดินทางผ่านกาลเวลาข้ามศตวรรษมาโดยไม่บุบสลายอย่างงี้ ราคาดีก็เปนธรรมดา ก็บอกแล้วว่าอย่าประมาทเลยเทียวกับคำว่า HiStory
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,771 วันที่ 3 - 6 เมษายน พ.ศ. 2565