อีทีนี้เวลาแต่งดำไปงานศพ มันไม่จำเปนต้องดำลึ่มไปหมดทั้งชุด มันเปนสีกรมท่า dark navy ก็ได้ เปนสีเทาแก่ dark chacoal ก็ได้ แต่จะต้องใส่แขนทุกข์ไว้ข้างซ้ายเหนือข้อศอก งานศพแบบกงเต็กจีนนี้นั้นสมัยก่อนศพชายกลัดแขนทุกข์ซ้าย ศพหญิงกลัดแขนทุกข์ขวา สมัยนี้ยุ่งไปกลัดซ้ายเรื่อยไปก็พอ
ฝรั่งผู้เปนเจ้าของสูทเสื้อนอก ไม่ใส่เชิร์ตดำ กับเนคไทดำ และสูทดำ_มันเยอะไป ไม่แน่ใจว่าคนรึอีกา แต่มักใช้วิธีใส่แว่นดำแทน เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าหลั่งน้ำตา กระเดี๋ยวจะพางานส่งงานศพโศกเศร้าร้าวแตกกันหมด เกรงจิตแขกร่วมงานและเจ้าภาพอื่นๆ
ทีนี้ว่าถ้าใส่ดำแล้วต้องปักผ้าขาวที่อก ไม่ปักไม่ได้หรอกหม่อมท่านด่าให้ว่า “ไอ่นี่ เกิดพวกผู้หญิงในงานเขาร้องไห้จะไปช่วยเหลืออะไรเขาได้ ห๊าา?”
จะหาเรื่องเข้าไปแตะ แต๊ะอั๋งปลอบประโลมแต่จะตะโบม รึไง “เอาผ้าขาวหน้าอกให้เขาเซ่ เขาได้ไว้ซับน้ำตา” ดังนี้จึงเปนแบบธรรมเนียมผสมผเสต่อมาว่าปักผ้าเช็ดหน้าขาวไปงานศพ
ต่อมาก็จะกล่าวถึงว่า งานศพจีนที่ลูกหลานใส่ชุดผ้าดิบห่มผ้ากระสอบนั้น เสร็จสวดแล้วประดาทายาทจะมานั่งคุกเข่าหน้าโลง แล้วหันมาคารวะเเขกผู้มางานศพ มันก็จะเหมือนกับศพไทย มาขอชื่อผู้มีเกียรติไปทอดผ้าบังสุกุล หรือว่าไปถวายสังฆทาน เครื่องสังเค็ดหลังพระสวดจบนั่นแล แต่ทีนี้เขาจะขอเชิญเปนประธานคำนับศพ หากว่างานใหญ่มีผู้ทรงเกียรติไปกันมาก เจ้าพิธีผู้มีไหวพริบจะเชิญประธานหลายคนรอยืนเรียงหน้ากระดาน ส่วนที่เยาว์วัยเยาว์ยศลงมา เขาจะเชิญเปนรองประธาน เรียงอีกแผงหนึ่งถัดมา นำหน้าแขกทั้งหลาย แล้วประกาศชื่อประธานรองประธาน คำนับศพ สามที ยามนี้เขาอาจจะมีเชิญจุดธูปไหว้ศพแทรกเข้ามา การจุดธูปไหว้ศพนี้ถ้าคนไทยเปนประธานก็พนมมืออย่างไทยไป แต่ถ้ามีเชื้อมีสายเข้าใจแบบธรรมเนียมจีนแล้วไซร้ ท่านให้ทำ “อิบ” คือสองมือประคองธูปแบบจอหงวน ยกขึ้นคล้ายจะจบหน้าผากแล้ววนธูปเปนวงสักรอบหนึ่ง จึงส่งให้เจ้าพิธีเอาไปปักกระถาง
ผู้ดีจีนนั้นเขามีมาดมีศรี เวลาขยับตัวเอื้อนเอ่ยเขามีกิริยาท่าทางท่วงที แม้ยามจำนรรจาภาษาจีนกลางก็มีห่อลิ้นออกเสียง ท่านประธานผู้ใหญ่เหล่านี้ทำอิบ สวยนัก แตกต่างจากเวลาท่านไหว้ไทย/รับไหว้ไทยหนักหนา_มักออกแนวปะหลกๆว่องไวหรือไม่ก็พนมมือนิ้วแตก
นอกนี้เวลาประเคนของให้ศพ เขาให้ทำอย่างจบหน้าผากก่อน เรียกกิริยานี้ว่าทำ‘เหี่ยม’ คนผู้ดีจริงทำอิบทำเหี่ยมจะทำสง่าผ่าเผยสวยงามเจือชดช้อย แต่งกายสง่างามภูมิฐานสวมเสื้อนอกผูกเนคไท ตัดเย็บปราณีตแพรพรรณ “ให้เกียรติ” ทั้งผู้ตาย และทายาท ผู้ซึ่งมาจะคุกเข่าคำนับเสร็จการณ์ต่างๆที่วัด ก็ระวัง(อีก)ว่าเขาจะมาเชิญไปพิธีบรรจุศพที่ฮวงซุ้ย
ศพบางศพนั้นหามิใช่เปนพ่อค้าธรรมดา หากแต่เปนขุนนางวานิชจีนในราชการสำนักไทย ได้รับพระราชทานตราชั้นต่างๆเมื่อถึงคราวลาภพจบชาติ ก็อาจมีพระมหากรุณาพระราชทานดินฝังศพ
ดินนี้แต่เดิมทีทางราชสำนักใช้ง้วนดินใจกลางพระนคร ปั้นเปนก้อนเล็กๆอย่างกระสุนห่อด้วยผ้าโปร่งดำ โปร่งขาว ทำเปนคู่ๆ มีราว 10 คู่ มีเจ้าพนักงานเชิญมาพร้อมเครื่องขมาศพ เหมือนอย่างศพผู้มีศักดิ์และสิทธิฝ่ายไทยพุทธที่ใช้วิธีประชุมเพลิงจัดการศพ เจ้าพนักงานก็เชิญไฟพระราชทานมาเหมือนกันมาพร้อมเครื่องขมาศพ
ท่านผู้มีเกียรติที่รับเชิญไปในการณ์นี้ ก็จักต้องทำหน้าที่เปนกรรมการ “กลาง” อีกครั้งหนึ่ง ว่าบ้านใหญ่_โลงศพของท่านผู้ตายวางไว้ตรงกึ่งกลางของหลุมฮวงซุ้ยอีกหรือไม่ เพื่อมิให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในโชคลาภภายหน้าอันผู้ตายจะบันดาลให้แก่ทายาท เมื่อวางตรงดีแล้ว ผู้ให้บริการฮวงซุ้ยก็จะโกยทรายเม็ดลงระหว่างช่องว่างเพื่อตรึงความเปนกลางให้ยั่งยืนก่อนจะปิดเปนการหลุมถาวร ส่วนว่าหลุมอันนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางของผืนที่ดินฮวงซุ้ยเป๊ะๆแล้วหรือไม่_ไม่ใช่หน้าที่ของผู้มีเกียรติ เปนหน้าที่ของซินแสของเจ้าภาพศพซึ่งก่อนวายชนม์ผู้ตายมักได้จัดการวางตำแหน่งแห่งหลุมของตนเองเอาไว้แล้ว จะให้คุณแก่ทายาทคนใดฝ่ายใด ก็ทำดีแก่พ่อแม่เข้าไว้ก่อนท่านจะมรณาเอาเองเถิด
บางทีบางบ้านสุสานที่ผู้ตายจัดเตรียมไว้ ทายาทบางฝ่ายเขาอ่านเกมส์ออกว่าฝังตรงนี้มีแววตัวเราอาภัพแน่ เขาก็มีแก้เกมส์ประเภทว่า เอ้อ_พี่มีที่อีกผืนนะ สวยงามสง่าสมมงคลหมายแก่บิดาของเรา เอาท่านไปไว้ที่นั้นไหม? ดังนี้ ทายาทอื่นมิได้ระวังเห็นคล้อยตามไปย้ายศพพ่อสู่บ้านใหญ่หลังใหม่โภคทรัพย์อันศพจะบันดาลให้ก็คลายสูญไปตกอยู่กับเขาหมด
อย่างไรก็ดี ผู้ใหญ่ในสกุลจีนบางท่านกลับไม่เชื่อถือข้อนี้ แม้ตนเองร่ำรวยฐานะอย่างไร ท่านก็ไม่ทิ้งอะไรไว้ให้ลูกหลานนอกจากวิชาความรู้ บางท่านว่าอายเขา_เอาสมบัติให้ลูกกินผู้คนนินทาว่าลูกไม่รู้จักโตกินแต่สมบัติพ่อ ทั้งเปนการดูแคลนลูกตัวเองว่าไม่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองได้บางท่านถ่อมตัวว่าในหมู่เจ้าสัวรู้ว่าสมบัติทั้งเนื้อทั้งตัวให้ลูกมีแค่ 70 ล้าน จะไปพออะไรข่างน้อยนิด ก็อับอายขายขี้หน้าเขา อย่ากระนั้นเลยเอาบริจาคทำทานสร้างโรงพยาบาลสร้างโรงเรียนดีกว่า ลูกเราถ้าว่าเราหนุนให้การศึกษาจนสุดทางแล้วยังเอาตัวไม่รอดก็ช่างเถอะอายเขา ก็มี
ประดาเจ้าสัว ผู้วันๆคิดถึงมรณานุสติ แลเตรียมการจัดการการศพตัวเอง จัดสรรสรรพสมบัติหลังความตายแห่งตนด้วยวิธีแนวคิดเชิงปรัชญาต่างๆกันไปนั้นมิใช่คนธรรมดา หากเปนผู้มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลไปถึงข้างหน้า เปนผู้กล้าเผชิญ และพร้อมรับมืออันนี้เห็นทีจะตรงกับภาษิตฝรั่งว่า Death never takes the wiseman by surprise; he is always ready to go.
ส่วนผู้ได้รับเชิญจากคนเหล่านี้ไปในการจัดการศพของปวงเขาให้บังเกิดความเปนธรรมนั้น นอกจากจะนับถือกันในคุณธรรมน้ำมิตรแล้วไซร้เคยได้ยินท่านผู้จากไกลกล่าวรำพึงถึงบุคคล ‘ผู้มีเกียรติ’ เหล่านั้นว่า “คนมีเกียรตินั้นตัวเขาอาจจะผอม แต่จิตใจของเขา_อ้วน”
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,763 วันที่ 6 - 9 มีนาคม พ.ศ. 2565