กระแสความนิยมในตัวของ “บิ๊กทริป-ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม. ที่คว้าชัยชนะท่วมท้นจากคนกรุงเทพมหานคร เลือกมาให้เป็นผู้ว่ากรุงเทพมหาคร อมรรัตนโกสินท์ฯ ไปไหนมาไหนลมหายใจของผู้คนตอนนี้ คือ ชัชชาติ....
ระยะเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว...ชัชชาติ ได้กลายเป็นความหวังของคนในชาติไปแล้ว
เมื่อชัชชาติกลายเป็นความหวังของผู้คน สิ่งที่ชัชชาติจะต้องตระหนักและยึดถือไว้ให้มากคือ กระบวนการตัดสินจนทุกเรื่องล้วนยืนอยู่บนความคาดหวังของผู้คนแทบทั้งสิ้น
ผู้คนมีความคาดหวังอันเลอเลิศไปทุกด้าน ชัชชาติ จะต้องเป็นผู้นำที่ดี
ผู้คนคาดหวังว่า ชัชชาติ เป็นมีความรู้ความสามารถในการบริหารบ้านเมืองที่ดี
ผู้คนต่างคาดหวังว่า ชัชชาติ จะปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีความด่างพร้อย และเป็นที่ยอมรับของประชาชน ฯลฯ
นี่คือความหวังของประชาชนที่ “ชัชชาติ” ต้องแบกไว้บนบ่าตลอดการทำงาน จากความศรัทธาและคาดหวังของมหาชน
แต่พลันที่ ชัชชาติ ตัดสินใจแต่งตั้ง “น.ส.ศนิ จิวจินดา” มาเป็นผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. เท่านั้น สายลมแห่งความคาดหวังกลับแปรเปลี่ยน....
คำชี้แจงของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ว่า กรณีของ น.ส.ศนิ จิวจินดา ที่ถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง พร้อมกับพวกรวม 13 ราย เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 กรณีสร้างราคาหุ้น “เกียรติธนา ขนส่ง” หรือ KIAT จนมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 7.75 บาท เป็นราคา 15.60 บาท ระหว่างวันที่ 4-22 ธ.ค. 2557 ว่า เป็นความผิดพลาดและเข้าใจผิดในการร่วมลงทุนซื้อขายหุ้น
“ขอยืนยันว่า ได้มีการตรวจสอบประวัติของทีมงานเรียบร้อยแล้ว น.ส.ศนิ โดนสั่งปรับเท่านั้น ไม่ได้ถูกดำเนินคดีอาญา ในส่วนของการทำงานนั้น ปัจุบัน น.ส.ศนิ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่มีหน้าที่ประสานงานเท่านั้น จึงมั่นใจว่าทำงานได้อย่างแน่นอน”
เชื่อหัว นายบากบั่น เถอะครับ การตัดสินใจแบบนี้ จะกลับมาทิ่มแทง “ชัชชาติ” แน่นอน
ผมไม่รู้จัก คุณศนิ เป็นการส่วนตัว ผมรู้จาก คุณแซนด์-น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ หลานสาว นายทักษิณ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดแนวคิด “ศนิ จิวจินดา” ผู้จัดการสถาบันเยาวชนเพื่อไทย : เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่ผู้ใหญ่....
คุณแซนด์สาธยายว่า “ศนิ จิวจินดา” ผู้จัดการสถาบันเยาวชนเพื่อไทย จบ ป.โทนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอ็กเซ็ตเตอร์ และ มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ป.ตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 2) ปัจจุบันเป็นผู้จัดการสถาบันเยาวชนเพื่อไทย เป็นผู้มีแนวคิด “เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่ผู้ใหญ่” ซึ่งเป็นความตั้งใจของพรรคเพื่อไทย ที่จะทําหน้าที่เป็นตัวกลางส่งผ่านความคิดของเยาวชนเสนอไปยังสังคมในรูปแบบต่างๆ
ระหว่างงานเปิดตัวสถาบันเยาวชนเพื่อไทย ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า แนวคิด “เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่ผู้ใหญ่” เป็นแนวคิดที่สะท้อนไปยังสังคมว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้ใหญ่ ควรรับฟังความคิดเห็นของเด็กบ้าง ว่า พวกเค้าต้องการอะไร อยากมีชีวิต ความเป็นอยู่แบบไหนในอนาคต เพราะว่า โลกนี้เวลาเดินไปข้างหน้า เด็กในวันนี้ย่อมโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างข้าง
พวกผู้ใหญ่ที่ดีแต่เผด็จการ วันข้างหน้าก็จะแก่หง่อมลง เพราะเยาวชนในยุคสมัยนี้ มีความเป็นตัวของตัวเอง มีสิ่งที่อยากทํา อยากเห็น อยากเป็น และอยากรู้ เราตระหนักในพลังของเรา และเราก็รู้ว่า เรามีความสําคัญไม่ต่างจากผู้ใหญ่
นี่คือตัวตนของ “ศนิ” ที่สะท้อนออกมาให้เห็นตัวตนและความสำคัญของ “ศนิ” ที่ผู้ว่า ชัชชาติ ยืนกรานให้ทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม.
ชัชชาติ อาจไม่รู้ หรือ หลงลืมไปว่า การดำเนินคดีกับบรรดาคนปั่นหุ้นนั้น ตามกฎหมายเขาดำเนินการกัน 2 รูปแบบ
1.ใครปั่นหุ้นถ้า ก.ล.ต.เขาสอบแล้วพบว่าผิด...เขาจะประกาศว่าการกระทำเป็นความผิดตามมาตรา 243 จะต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 317/4(1) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
2.แต่ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการทางคดีอาญาที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินคดี ทาง ก.ล.ต.เขาจะเปิดช่องให้คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) พิจารณา เพื่อนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิด ใครยอมรับการสั่งปรับก็จบไป ใครไม่ยอมรับคำสั่งปรับ ทางก.ล.ต.จะไปฟ้องอาญาต่อไป
ปกติ จะตัดสินและลงโทษผู้ถูกกล่าวหาว่าปั่นหุ้น 4-5 รูปแบบ (1) ชำระค่าปรับทางแพ่ง (2) เรียกคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด (3) ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนและบริษัทหลักทรัพย์ (4) ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (5) ชดใช้ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบคืน ก.ล.ต.
แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่ถูกสั่งปรับจะไม่มีความผิดฐานปั่นหุ้นนะครับ เขามีความผิดครับ
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) นั้น มีอัยการสูงสุด เป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และ เลขาธิการ ก.ล.ต. หรือ รองเลขาธิการ ก.ล.ต.ที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการ เพื่อพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งกับคนปั่นหุ้น
แล้วคุณศนิ...เข้าไปพัวพันกับขบวนการปั่นหุ้น สร้างราคาหุ้น KIAT ให้ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด จนทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 7.75 บาท เป็นราคา 15.60 บาท อย่างไรบ้าง
ตลาดหลักทรัพย์ฯตรวจสอบพบว่า ระหว่าง 4 - 22 ธันวาคม 2557 มีกลุ่มบุคคล 13 ราย ได้แก่ (1) นายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ (2) นายน้ำ ชลสายพันธ์ (3) นายศุภวุฒิ มณีรินทร์ (4) น.ส.ศนิ จิวจินดา (5) นายยศ ธนารักษ์โชค (6) นางนิภา ชลสายพันธ์ (7) น.ส.น้ำทิพย์ ชลสายพันธ์ (8) นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย (9) บริษัท นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (NPP) (10) น.ส.รินนภา คุณะวัฒน์สถิตย์ (11) นายปฏิญญา เทวอักษร (12) นางกิ่งกาญจน์ สมิตานนท์ (13) นายประพล มิลินทจินดา ได้ร่วมกันสร้างราคาหุ้น KIAT ให้ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด มีการนำหุ้นที่ฝากไว้ในบัญชี nominee ออกมาขายทำกำไรเช่นเดียวกัน
การกระทำของบุคคลดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามมาตรา 243 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 317/4(1) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิด 13 ราย โดยกำหนดให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง รวมกัน ดังนี้
(1) สั่งปรับนายเกียรติชัย 112,609,500 บาท (2) สั่งปรับนายน้ำ 10,530,345 บาท (3) สั่งปรับนายศุภวุฒิ 9,989,632.50 บาท
(4) สั่งปรับ นางสาวศนิ 7,746,735 บาท (5) สั่งปรับนายยศ 5,637,442 บาท (6) สั่งปรับนางนิภา 2,865,330 บาท
(7) สั่งปรับนางสาวน้ำทิพย์ 529,545 บาท (8) สั่งปรับนายสุรพงษ์ 33,859,920 บาท
(9)สั่งปรับบริษัท NPP 23,295,000 บาท (10) สั่งปรับนางสาวรินนภา 500,000 บาท (11) สั่งปรับนายปฏิญญา 60,330,000 บาท
(12) สั่งปรับนางกิ่งกาญจน์ 500,000 บาท และ (13) สั่งปรับนายประพล 22,782,360 บาท
ก.ล.ต.สั่งปรับทางแพ่งกลุ่มที่สร้างราคาหุ้น ที่มี “ศนิ” รวมขบวนด้วยรวมกัน 292 ล้านบาท…ไม่น้อยทีเดียว
ปรับแล้วไม่ได้หมายความว่า ไม่ผิด...ในทางการเมืองอาจไม่ผิด แต่จริยธรรมที่ดีของนักการเมืองควรผิดครับ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน มีการแต่งตั้ง นายอมร มีนะโม นายภูวิช ปัญญาสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผมเองก็โจมตีเรื่องนี้และคัดค้านมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะนายอมร มีมะโน ในอดีตเคยถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษพร้อมพวก 40 ราย ในคดีสร้างราคาหุ้น AJD และ ค.พ.ม.มีมติให้ชำระค่าปรับรวมกันก้อนโตกว่า 1,700 ล้านบาท แต่นายอมรขอสู้คดีอาญา
ส่วนนายภูวิช เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ โปลิสนิวส์ และเคยเป็นกรรมการตรวจสอบ AJA
จนวันที่ 18 มี.ค.2564 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรี ด้วยการยกเลิกแต่งตั้งข้าราชการการเมือง เพราะทานกระแสต้าน “รัฐบาลอุ้มแกงค์ปั่นหุ้น” ไม่ไหว!!!
ชัชชาติ ระวังไว้...อุ้มศนิ จะพัวพันไปถึงจริยธรรมของผู้บริหาร ยันขบวนการเพื่อไทย...หรือเพื่อใคร...ขอเตือนไว้...