ก่อนนี้ที่บ้านโลหิตนาวี รุ่นคุณพ่อเขามาบุกเบิก ดงพญาเย็นทำไร่องุ่น เพื่อผลิตน้ำองุ่นและเมรัยคนไทย ในนามว่ากราน_มองเต้ บนที่เนินเส้นถนนสายผ่านศึก-กุดคล้า ก็เส้นสวิสที่ไปทะลุออกปากทางแดรี่โฮมสระบุรีนั่นแล ผลิตไวน์ไทยจากองุ่นปลูกเอง ในฝีไม้ลายมือได้รสชาติเข้มคมติดปากน่าประทับจิตประทับใจ
ต่อมาทางไร่ก็ขยับขยาย เปิดให้บริการอาหารอร่อย ในลักษณะบ้านผู้ดีชนบท_squire อันควรจะหมายถึงว่าแม้นเปนที่ทางห่างไกลขาดแคลน แต่มารยาทจรรยาและการพัฒนาฝีบัดฝีมือ ก็ทำได้ดีอย่างในเมืองหลวงพระนคร [อนึ่งว่าผู้ดีชนิดนี้เขามักมีลักษณะคิดถึงคนอื่น(ลูกค้า) มากกว่าตัวเอง]
เริ่มจากอาหารก่อน จะสั่งจานไหนอะไรๆไปก็แล้วแต่ แต่ตะกร้าขนมปังและเนยสดต้องลงให้กินฟรีก่อนเสมอไป ในเวลาที่วัฒนธรรมเร่งด่วนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ธรรมเนียมดูแลลูกค้าแบบนี้ก็เลือนหายจางหดลงไปมากแล้ว
ระหว่างนั้นกัปตันบริกร และซอมเมอร์ลิเยต์ แลว่าไวน์ลงแล้วลูกค้าไม่มีของแกล้ม ก็บริการ ตาเปอนาร์ดลงฟรีให้อีกที เปนลูกมะกอกดองสับในน้ำมันของมันเองเข้าเครื่องเทศ ป้ายขนมปังเข้า ยามกินเมรัยจะได้มิหมางปาก/แสบท้อง
วันนี้ทางไร่ใช้องุ่นดุรีฟมาทำไวน์ใส่ขวดไหล่ลู่ อันเปนสัญลักษณ์ซึ่งไวน์สุขุมสกุลเบอร์กันดี หยาดน้ำองุ่นสีใสแห่งมันนั้นให้รสชาติวับวาวโออ่า สมควรที่จะไปได้ดีกับไหล่แกะตุ๋นไวน์แดงเข้าเครื่องเทศโรสแมรี่ใบสดหอมชื่น
ยามแลง(เย็น) สายลมแห่งขุนเขาพัดมาเอื่อยๆผ่านดงไร่องุ่นลดหลั่นตามแนวเนินร้อยๆไร่สวยสม
งานดื่มด่ำกำซาบอันราบรื่นนี้ กำลังไปได้ดี กัปตันก็สรรหาของกินเติมมาวางให้ลองเพิ่มรส เช่นว่าเกลือภูเขาเคี่ยวเมรัย อันให้รสปะแล่มในความสวยงามอย่างเม็ดกำมะหยี่ สี velvet ม่วงแดง
ไอ้สีทำนองนี้มันน่าเอาไปพ่นรถเบนซ์ 124 เปน burgundy red ยิ่งนัก
อีทีนี้คนกินแกะอย่างเรา ก็ต้องเรียกหามัสตาร์ดมาข่มเลี่ยน ใช้ความเผ็ดขมทำงานให้สุขสมอารมณ์รส จากนั้นจึงค่อยปลุกโพลงปากซมเซาให้สดชื่นด้วยมิ้นต์เยลลี่ สะระแหน่ดองน้ำตาลเคี่ยวหวาน สรรพรสเมรัยจักเเปรไปตามของปรุงปรนปากเหล่านี้ วับวาบวับวาวราวกับเดินเพลินเพลิดชมทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ในผืนป่า
ส่วนพิซซ่านั้นใครทำดี มีฝีมือวัดกันที่แป้งต้องหนึกนุ่มในความแบบบางราวกระดาษ หน้าพิซซ่าโชว์ฝีมือเช่นนี้อย่าไปแต่งใส่อะไรมาก ขอใบเบซิลโหระพาหวานและเนยแข็งโรยบนซอสมะเขือเทศสดในนามพิซซ่ามาการิต้า ก็เปนพอ
เปลี่ยนไวน์อีกสักขวดให้เปนไวน์เบรนด์ผสมเจือองุ่นขาว คราวนี้รสชาติวาบวาวหายไปแต่กลายเปนวับวิว55 สมควรจะกินด้วยสันในหมูอบแอปริคอตและลูกพรุน ค่าที่เนื้อหวานกันนัก จักสมรสกันโดยใช่เหตุ แนมด้วยมันฝรั่งนาบเกรียมบางเบา
เจ้าของไร่รุ่นที่สองนี้ เธอสำเร็จวิชาองุ่นเมรัยมาแต่โลกใหม่ออสเตรเลียเปนที่ปรึกษาให้กิจการไวน์อื่นอีกด้วยโดยใช้ความชำนัญแห่งไร่โลหิตนาวี_กรานมองเต้ เปนภูมิปริญญา ส่วนใครไม่ใคร่ชอบเนื้อหนังมังสา เขามีสลัดผักสดๆบริการ ใส่องุ่นกินผลลูกโตๆมาให้ชื่นใจดี
ของหวานล้างปากนั้น นอกจากไวน์ไทยบุษบาที่ให้กลิ่นชื่นของชิตรัสเสาวรสแล่นมาในความหอมงอมของบุปผานานาพรรณ กันกิบแครมบรูเล่ (สังขยาฝรั่ง) เนื้อเนียนแน่นแล้ว ชีสพายองุ่นสด ก็ปิดท้ายรายการไม่เลวเลย
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ปี ฉบับที่ 3,803 วันที่ 24 - 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565